Interdisciplinary Academic and Research Journal最新文献

筛选
英文 中文
อำนาจละมุนของวัฒนธรรมนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์: การวิจัยเกี่ยวกับการบูรณาการศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงกับศิลปะสื่อสิ่งใหม่ อำนาจละมุนของวัฒนธรรมนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์: การวิจัยเกี่ยวกับการบูรณาการศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงกับศิลปะสื่อสิ่งใหม่
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.275722
Qiang Zhu, เสกสรรค์ ตันยาภิรมย์, ฝนทิพย์ วรรธนะศิรินทร์ รังสิตสวัสดิ์
{"title":"อำนาจละมุนของวัฒนธรรมนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์: การวิจัยเกี่ยวกับการบูรณาการศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงกับศิลปะสื่อสิ่งใหม่","authors":"Qiang Zhu, เสกสรรค์ ตันยาภิรมย์, ฝนทิพย์ วรรธนะศิรินทร์ รังสิตสวัสดิ์","doi":"10.60027/iarj.2024.275722","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275722","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงถือเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษาการผสานรวมระหว่างศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงกับศิลปะสื่อสิ่งใหม่ ใช้เป็นอำนาจละมุนทางวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์และเผยแพร่ค่านิยมดั้งเดิมในยุคดิจิทัล\u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยนี้ใช้วิธีการวิจัยวรรณกรรม วิธีการสำรวจภาคสนาม วิธีนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ และวิธีการวิจัยอื่นๆ เพื่อทำการวิจัยและวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของการวิจัยทั้งสามประการ ได้แก่ ประการแรก เพื่อวิจัยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ สังคม และวิวัฒนาการของศิลาดลมณฑลเจ้อเจียง ตลอดจนภาพรวมของการพัฒนาของศิลปะสื่อสิ่งใหม่ ประการที่สอง เพื่อวิเคราะห์ลักษณะและคุณค่าทางสุนทรีย์ของศิลาดลมณฑลเจ้อเจียง และการประยุกต์ใช้ทางเทคนิคของศิลปะสื่อสิ่งใหม่ ประการที่สาม เพื่อวิจัยอำนาจละมุนของการนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ของรูปแบบผลงานศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงและศิลปะสื่อสิ่งใหม่ สุดท้ายจึงได้รับระบบองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงและศิลปะสื่อสิ่งใหม่ ได้รับลักษณะและคุณค่าทางสุนทรียภาพของศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงที่มีรูปทรงที่สวยงาม ลวดลายที่หลากหลาย สีเคลือบบริสุทธิ์ และเทคโนโลยีสื่อสิ่งใหม่ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทางเทคนิค ตัวอย่างเช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเขียนโปรแกรมดิจิทัล เทคโนโลยีแสงและเงา เทคโนโลยีการฉายภาพ เทคโนโลยีผลลัพธ์ทางเสียง และเทคโนโลยีอื่นๆ อย่างครอบคลุม ตลอดจนความดื่มด่ำและการโต้ตอบที่เกิดจากผลงานโดยรวม และได้รับการผสมผสานทางนวัตกรรมของทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดเป็นอำนาจละมุนทางวัฒนธรรม\u0000ผลการวิจัย: ผลการวิจัยเปิดเผยว่า ศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวของประเทศจีนที่สวยงามและซาบซึ้งอีกด้วย รูปแบบของผลงานที่บูรณาการเข้ากับศิลปะสื่อสิ่งใหม่สามารถส่งอิทธิพลต่อการรับรู้และความเข้าใจของสาธารณชนที่มีต่อศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงจากมุมมองที่แตกต่างกันในรูปแบบใหม่ และช่วยกระตุ้นการส่งเสริมและการเผยแพร่วัฒนธรรมศิลาดลและวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศจีน\u0000สรุปผล: การวิจัยเน้นย้ำถึงศักยภาพของการรวมกันระหว่างศิลาดลมณฑลเจ้อเจียงกับศิลปะสื่อสิ่งใหม่เป็นกลยุทธ์ทางวัฒนธรรมละมุน การผสานนี้ส่งเสริมการประเมินค่าและการเผยแพร่ศิลาดลมณฑลและวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม ช่วยเพิ่มการมองเห็นและความเกี่ยวข้องในสังคมสมัยใหม่","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 19","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141374640","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
สมรรถนะทางเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษายุค 4.0 สมรรถนะทางเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษายุค 4.0
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.276226
นุ่นนภา เหล่าเจริญ, พงษ์สุวรรณ ศรีสุวรรณ, ภูมิภควัธจ์ ภูมพงศ์คชศร
{"title":"สมรรถนะทางเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษายุค 4.0","authors":"นุ่นนภา เหล่าเจริญ, พงษ์สุวรรณ ศรีสุวรรณ, ภูมิภควัธจ์ ภูมพงศ์คชศร","doi":"10.60027/iarj.2024.276226","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276226","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: สมถรรนะทางเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาในยุค 4.0 เน้นการปรับตัวและพัฒนาทักษะให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในสถานศึกษา การสร้างสมถรรนะดิจิทัลนี้ เน้นการเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษายุค 4.0 จำเป็นต้องเป็นผู้นำที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านเทคโนโลยีและการศึกษาเพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกด้านของการบริหารและการพัฒนาในสถานศึกษาในยุคดิจิทัล การพัฒนาสมถรรนะทางเทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในสถานศึกษาในปัจจุบันและอนาคต\u0000ระเบียบวิธีการศึกษา: ปัจจุบันการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของครูเป็นเรื่องสำคัญขององค์กรการศึกษาทั่วโลก ดังจะเห็นได้จากต่างประเทศได้มีการกำหนดกรอบแนวทางพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของนักการศึกษาเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางพัฒนาสมรรถนะของนักการศึกษา จำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย (1) กรอบการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของนักการศึกษายุโรป (European Framework for the Digital Competence of Educators: DigCompEdu) (2) กรอบการพัฒนาสมรรถนะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของครูที่กำหนดโดย UNESCO (UNESCO ICT Competency Framework for Teachers: ICT CFT) (3) กรอบการพัฒนาวิชาชีพการสอนแบบดิจิทัล (Digital Teaching Professional Framework: DTPF) (4) กรอบการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลวิชาชีพครู (Professional digital competence framework for teachers: PDCF) และ (5) กรอบการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลทั่วไปของครู (The Common Digital Competence Framework for Teachers: CDCFT)\u0000ผลการศึกษา: การพัฒนาศักยภาพความเป็นนวัตกรการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดนั้น ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยองค์กรต้องมีการจัดการที่เอื้อต่อการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมของบุคลากร ทั้งในระดับบุคคล ระดับกลุ่ม และระดับองค์กร หรือเรียกได้ว่า เป็นการจัดการเพื่อความยั่งยืนเชิงนวัตกรรม (Management for innovative sustainability) โดยมุ่งจัดการให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ รวมถึงมีการจัดการความรู้และการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม ปัญหาอุปสรรคที่พบคือ ผู้บริหารยังใช้การบริหารแบบเดิม ๆ ไม่สอดคล้องกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ขาดการใช้สื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังไม่ส่งเสริมให้ครูใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผล ส่วนปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของครูในประเทศไทย คือ การที่ยังไม่มีการพัฒนากรอบการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศึกษา ยังมีเพียงการกำหนดระดับสมรรถนะดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็น 3 ระดับคือ สมรรถนะดิจิทัลขั้นพื้นฐาน สมรรถนะดิจิทัลขั้นกลาง และสมรรถนะดิจิทัลขั้นสูง และแบ่งการพัฒนาเป็น 7 ขั้น แต่ยังไม่ได้กำหนดสมรรถนะดิจิทัลที่ต้องพัฒนาในแต่ละระดับ\u0000สรุปผล: กล่าวได้ว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาจะต้องได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมีความคิดสร้างสรรค์ กรอบการทำงานที่มีโครงสร้างสำหรับการประเมินและเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถด้านดิจิทัลของครูมีความจำเป็นในการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ เช่น เทคนิคการจัดการที่ล้าสมัย และการขาดการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะช่วยส่","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 35","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141375148","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การศึกษาบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัลสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ การศึกษาบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัลสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.276094
จุฑาทิพย์ ไชยสุริย์, อมร มะลาศรี, คมสันทิ์ ขจรปัญญาไพศาล
{"title":"การศึกษาบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัลสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์","authors":"จุฑาทิพย์ ไชยสุริย์, อมร มะลาศรี, คมสันทิ์ ขจรปัญญาไพศาล","doi":"10.60027/iarj.2024.276094","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276094","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: นิวนอร์มัล คือ รูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต เนื่องจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 มากระทบจนแบบแผนแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ที่ไม่คุ้นเคย การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันก็เช่นกัน สำหรับผู้เรียนทุกคนต้องพึ่งพาหลายปัจจัยทั้งความพร้อมด้านเทคโนโลยีและความพร้อมของครูในการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามผู้บริหารสถานศึกษาก็ต้องมีหลักการทำงานเป็นทีมที่สอดคล้องกับยุคนิวนอร์มัลที่สามารถดึงความรู้ความสามารถของสมาชิกในทีมงานออกมาเพื่อแบ่งปัน และเพื่อร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถจนทำให้การดำเนินงานในสถานศึกษาประสบผลสำเร็จ โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ 2) เพื่อศึกษาระดับบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ และ 3) เพื่อเปรียบเทียบระดับบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ จำแนกตามประสบการณ์ในการบริหารงานและจำแนกตามขนาดโรงเรียน\u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ (1) การศึกษาองค์ประกอบของบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ มีกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ชนิดมีโครงสร้างที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น (2) การศึกษาและเปรียบเทียบระดับบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ จำแนกตามประสบการณ์ในการบริหารงานและขนาดโรงเรียน 2 ประชากร ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ ในปีการศึกษา 2565 จำนวนทั้งสิ้น 55 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .92 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ หาร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน\u0000ผลการวิจัย (1) บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ ประกอบด้วย 7 บทบาท ได้แก่ 1) ด้านวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน 2) ด้านความร่วมมือและการใช้ความขัดแย้งในทางสร้างสรรค์ 3) ด้านการปฏิบัติงาน 4) ด้านการติดต่อสื่อสาร 5) ด้านภาวะผู้นำ 6) ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และ 7) ด้านการสร้างขวัญและกำลังใจ (2) บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (3) บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ จำแนกตามประสบการณ์ในการบริหารงาน โดยรวมแตกต่างกัน (4) บทบาทของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้างทีมงานในยุคนิวนอร์มัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ จำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน\u0000สรุปผล (1) ผู้บริหารโรงเรียนได้เปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติจะส่งผลให้ครูและบุคลากรเกิดขวัญและกำลังใจในการทำงาน มีความรู้สึกในมความเป็นเ","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"2 4","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141375829","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกรณีศึกษา การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกรณีศึกษา
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.275958
พรพิมล พลเรือง, ไพศาล วรคำ
{"title":"การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกรณีศึกษา","authors":"พรพิมล พลเรือง, ไพศาล วรคำ","doi":"10.60027/iarj.2024.275958","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275958","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบการใช้กรณีศึกษาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม และทักษะการสื่อสาร รวมไปถึงสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบการใช้กรณีศึกษา ให้ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 75  \u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมาย ที่ใช้ในการทำวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ห้อง รวม 11 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านหนองแสง อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 โดยการเลือกแบบเจาะจง ทำการวิจัยปฏิบัติการ 2 วงจรเครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้กรณีศึกษาเรื่อง สนุกกับพลังงานของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 แผน รวม 12 ชั่วโมง ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นเตรียม ขั้นเสนอ กรณีศึกษา ขั้นวิเคราะห์ ขั้นสรุปและขั้นประเมิน มีความเหมาะสมในระดับมาก และ 2) แบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตามแนวคิดของ Weir รวม 12 ข้อ 4 สถานการณ์ใช้ประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และหลังวงจรปฏิบัติการ 2 วงจร ปฏิบัติการละ 12 ข้อ มีค่าความสอดคล้อง อยู่ระหว่าง 0.97 มีค่าอำนาจจำแนก อยู่ระหว่าง 0.30-0.73 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และการวิเคราะห์ความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละวงจรปฏิบัติการ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยกำหนดเกณฑ์การผ่านร้อยละ 75\u0000ผลการวิจัย: ก่อนได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้กรณีศึกษา นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาเฉลี่ยแต่ละด้านไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 จำนวน 11 คน  ในวงจรปฏิบัติการที่ 1 พบว่า นักเรียนทุกคนมีความสามารถในการแก้ปัญหาสูงกว่าก่อนเรียนแต่มีผลการประเมินรายด้านทุกด้าน ยังไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 จำนวน 9 คน  และในวงจรปฏิบัติการที่ 2 พบว่า นักเรียนทุกคนมีความสามารถ ในการแก้ปัญหาผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 ทุกด้าน  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้กรณีศึกษา ควรคำนึงถึงความสามารถของนักเรียนสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ความเข้าใจในแต่ละขั้นตอน กระตุ้นและเสริมแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม\u0000สรุปผล: ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนมีข้อบกพร่องในช่วงแรกค่อนข้างมาก แต่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมากด้วยการนำการเรียนรู้จากกรณีศึกษามาใช้ อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอและวิธีการที่กำหนดเองยังคงจำเป็นเพื่อรับประกันว่านักเรียนจะเข้าถึงระดับความสามารถที่จำเป็นในทุกด้านอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสอนต่อเนื่องและการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบร่วมมือ","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 7","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141370746","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การส่งเสริมความพร้อมด้านการเขียนของเด็กปฐมวัยด้วยกิจกรรมการเล่านิทาน โรงเรียนอนุบาลกว่างซี อำเภอชิงซิ่ว เมืองหนานหนิง ประเทศจีน การส่งเสริมความพร้อมด้านการเขียนของเด็กปฐมวัยด้วยกิจกรรมการเล่านิทาน โรงเรียนอนุบาลกว่างซี อำเภอชิงซิ่ว เมืองหนานหนิง ประเทศจีน
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.275420
ฉ่ายหยี่ จ้าว, พีระพร รัตนเกียรติ
{"title":"การส่งเสริมความพร้อมด้านการเขียนของเด็กปฐมวัยด้วยกิจกรรมการเล่านิทาน โรงเรียนอนุบาลกว่างซี อำเภอชิงซิ่ว เมืองหนานหนิง ประเทศจีน","authors":"ฉ่ายหยี่ จ้าว, พีระพร รัตนเกียรติ","doi":"10.60027/iarj.2024.275420","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275420","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ส่งเสริมความพร้อมด้านการเขียนของเด็กปฐมวัยนั้น เด็กควรเรียนรู้ทักษะการเขียนอย่างมีความสุขและสนุกสนาน การส่งเสริมทักษะการเขียนควรให้เป็นการเรียนรู้ตามธรรมชาติและต้องคำนึงถึงธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อเปรียบเทียบความพร้อมด้านการเขียนของปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยการเล่านิทาน\u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ เด็กปฐมวัยที่มีอายุในช่วงอายุ 5 – 6 ปี โรงเรียนอนุบาลกว่างซี อำเภอชิงซิ่ว เมืองหนานหนิง ปีการศึกษา 2566 จำนวน 15 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบประเมินความพร้อมด้านการเขียนของเด็กปฐมวัย แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการควบคุมการเคลื่อนไหวประสานกับการมองเห็น และด้านการรับรู้ทิศทางการเขียนตัวอักษรจีน และแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทาน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบหาค่า One group pretest-posttest design","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 15","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141373993","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
บทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลชะแมบกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในตำบลชะแมบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลชะแมบกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในตำบลชะแมบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.276155
จิรัฎฐ์ ฟักแก้ว, กัมลาศ เยาวะนิจ, ภิศักดิ์ กัลยาณมิตร
{"title":"บทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลชะแมบกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในตำบลชะแมบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา","authors":"จิรัฎฐ์ ฟักแก้ว, กัมลาศ เยาวะนิจ, ภิศักดิ์ กัลยาณมิตร","doi":"10.60027/iarj.2024.276155","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276155","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างแท้จริงมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 เป็นต้นมา ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผู้สูงอายุได้กำหนดนโยบายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุซึ่งกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินงาน และจากรายงานสถิติผู้สูงอายุในตำบลชะแมบ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น รวม 787 คน ซึ่งการดำเนินงานในปัจจุบันยังไม่มีกรอบบทบาทการดำเนินงานที่ชัดเจน ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความต้องการของผู้สูงอายุ ในตำบลชะแมบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (2) ศึกษาบทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลชะแมบในการดูแลผู้สูงอายุ และ (3) สร้างข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตำบลชะแมบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา\u0000ระเบียบวิธีวิจัย: การวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก ซึ่งสนทนากับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพตำบลชะแมบ และผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 20 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ ใช้คำถามในการสนทนาเจาะลึก (Probing Questions) นำมาประมวลคำตอบที่ได้จากการสนทนาโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)\u0000ผลการวิจัย: (1) ความต้องการของผู้สูงอายุในตำบลชะแมบ ได้แก่ ความต้องการด้านสุขภาพ ความต้องการ ด้านจิตใจ และความต้องการด้านสังคม (2) องค์การบริหารส่วนตำบลชะแมบ มีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุ ดังนี้ 1) การให้บริการด้านสุขภาพอนามัย 2) การส่งเสริมอาชีพ/รายได้/สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 3) การส่งเสริมการอยู่ร่วมกัน และ 4) การบริหารจัดการระบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (3) ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตำบลชะแมบ และข้อเสนอแนะในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตำบลชะแมบ คือ 1) ควรมีนโยบายเกี่ยวกับการยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น หาแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 2) ควรจัดสรรงบประมาณเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้ครบทุกด้าน 3) ตรวจเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ เพื่อตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน และ 4) ควรประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งตำบล\u0000สรุปผล: การศึกษานี้มุ่งความสนใจไปที่ความต้องการต่างๆ ทั้งด้านสังคม จิตวิทยา และสุขภาพ ที่ผู้สูงอายุในตำบลชะมาบมี โดยเน้นย้ำบทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลชะมาบในการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ด้วยการให้บริการด้านสุขภาพ ส่งเสริมการจ้างงานและสวัสดิการ การบูรณาการชุมชน และการจัดการคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการจัดสรรงบประมาณ การสร้างนโยบาย การเยี่ยมบ้าน และการแบ่งปันข้อมูลอย่างกว้างขวาง เพื่อให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 27","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141375238","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
อิทธิพลที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีต่อความสุขของประเทศ: การศึกษาจากผลสำรวจนานาชาติ อิทธิพลที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีต่อความสุขของประเทศ: การศึกษาจากผลสำรวจนานาชาติ
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.275942
กัมลาศ เยาวะนิจ
{"title":"อิทธิพลที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีต่อความสุขของประเทศ: การศึกษาจากผลสำรวจนานาชาติ","authors":"กัมลาศ เยาวะนิจ","doi":"10.60027/iarj.2024.275942","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275942","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: วาระแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2030 ที่องค์การสหประชาชาติและสมาชิกให้การรับรองเป็นความพยายามของประชาคมโลกในการกำหนดทิศทางของการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และโลก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนายังคงเป็นเรื่องความสุขของประชาชน การวิจัยครั้งนี้เป็นผลมาจากการวิจัยเชิงปริมาณที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจะศึกษาอิทธิพลที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีต่อความสุขของประชาชน\u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: อาศัยข้อมูลจาก 120 ประเทศ/เขตการปกครองในการวิเคราะห์ ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้มาจากการรวบรวมขององค์การระหว่างประเทศ 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งเป็นผลจากการสำรวจความสุขของประชาชนในแต่ละประเทศซึ่งรวบรวมไว้โดยโครงการ World Happiness Report ส่วนที่สองมาจากการรวบรวมของ Sustainable Development Solution Network ผู้วิจัยใช้วิธีการวิเคราะห์ความถดถอยในการวิเคราะห์อิทธิพลที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีต่อความสุขของประชาชน\u0000ผลการวิจัย: เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 7 เป้าหมายร่วมกันสามารถอธิบายความเปลี่ยนแปลงของความสุขของประชาชนได้ ร้อยละ 81.5 เป้าหมายที่สามารถอธิบายความสุขของประชาชนได้ ประกอบไปด้วย เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ งานที่เหมาะสมและการเติบโตทางเศรษฐกิจ การศึกษาที่มีคุณภาพ น้ำสะอาดและสุขอนามัย ความเท่าเทียมระหว่างเพศ และความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ\u0000สรุปผล: จากข้อมูลพบว่า 81.5% ของความสุขของผู้คนมีความแตกต่างกันมาจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 7 ประการ ได้แก่ ความเท่าเทียมทางเพศ น้ำสะอาดและสุขาภิบาล การทำงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ การศึกษาที่มีคุณภาพ และสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ เป้าหมายเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมากต่อความเป็นอยู่โดยรวม และควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญเพื่อส่งเสริมความพึงพอใจทางสังคมให้มากขึ้น","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 7","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141375675","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วม มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วม
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.276157
ณัฐพงศ์ แก้ววงศ์, สุวิทย์ ภาณุจารี, ภูมิภควัธจ์ ภูมพงศ์คชศร
{"title":"มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วม","authors":"ณัฐพงศ์ แก้ววงศ์, สุวิทย์ ภาณุจารี, ภูมิภควัธจ์ ภูมพงศ์คชศร","doi":"10.60027/iarj.2024.276157","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276157","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วมเน้นที่การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยการใช้พื้นที่เป็นฐานเป็นการเพิ่มคุณภาพของการศึกษาระบบทวิภาคีโดยการเชื่อมโยงระหว่างการจัดการอาชีวศึกษาและการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์แก่การเรียนรู้และพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียน ทำให้เกิดการเรียนรู้แบบมีความสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสังคมในท้องถิ่น การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน\u0000ระเบียบวิธีการศึกษา: การศึกษาครั้นี้ดำเนินการโดยการสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วมที่เน้นการใช้พื้นที่เป็นฐาน โดยการวิเคราะห์และสรุปข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการและความเหมาะสมของพื้นที่สำหรับการศึกษา การศึกษาวิเคราะห์ความต้องการของชุมชนและผู้เรียนรวมทั้งการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งเสริมและข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ในการเรียนรู้\u0000ผลการศึกษา: มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน เน้นที่การสร้างพื้นที่เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียนอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้เกิดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสังคมในท้องถิ่น มีการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรทั้งในระดับภาคีและระดับชุมชน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยการนำเสนอมาตรฐานนี้ จะช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาอาชีวศึกษาและการพัฒนาทักษะในท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในระยะยาว\u0000สรุปผล: มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีแบบมีส่วนร่วมจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพของการศึกษาและการพัฒนาทักษะของบุคลากรในระดับทวิภาคี และมีผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชนและสังคมในระยะยาว","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 6","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141371300","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ต้นแบบมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ต้นแบบมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.275855
วิษณุ บาคาล, วุฒิกร เดชกวินเลิศ, ภาคิน เจริญนนทสิทธิ์, กริช สินธุศิริ
{"title":"ต้นแบบมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม","authors":"วิษณุ บาคาล, วุฒิกร เดชกวินเลิศ, ภาคิน เจริญนนทสิทธิ์, กริช สินธุศิริ","doi":"10.60027/iarj.2024.275855","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275855","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการบริการสาธารณะระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น สวัสดิการสังคม การคุ้มครองและความมั่นคงทางการค้าในท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างรากฐานการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าตามนโยบายของรัฐบาล  การวิจัยนี้มีวัตถุประสงเพื่อ  1) เพื่อศึกษา แนวคิด หลักการที่เกี่ยวข้องกับมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น 2) เพื่อศึกษาปัญหาการคุ้มครองสิทธิสำหรับผู้ที่ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่นที่มีอยู่ปัจจุบัน 3) เพื่อวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น 4) เพื่อจัดทำต้นแบบมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น\u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย การวิจัยเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก คือ กลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคามจำนวน 4 คน กลุ่มนักกฎหมายและนักวิชาการจำนวน 4 คน กลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้านการดำเนินการทางวินัยพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 4 คน กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชนจำนวน 4 คน และการสนทนากลุ่มเจาะจง โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คือ กลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม กลุ่มนักกฎหมายและนักวิชาการ กลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้านการดำเนินการทางวินัยพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชน โดยวิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง\u0000ผลการวิจัย: (1) แนวคิด ทฤษฎี และหลักการที่จะต้องคำนึงถึงและนำมาประกอบการวิเคราะห์ ได้แก่ แนวความคิดเกี่ยวกับการควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ แนวความคิดเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลักนิติรัฐ หลักการแบ่งแยกอำนาจ หลักการประกันสิทธิขั้นพื้นฐาน หลักการประกันคุ้มครองสิทธิในทางศาล หลักความชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายตุลาการ หลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษา หลักนิติธรรมและหลักความเสมอภาค (2) ปัจจุบันการพิจารณาในการสอบสวนข้อเท็จจริงไปจนถึงการลงโทษทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น ยังไม่ปรากฎแนวทางที่ชัดเจนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่แสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น (3) หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิกเฉยต่อปัญหานี้ก็จะเกิดผลกระทบต่อการพัฒนาการทำงานและแรงจูงใจหรือขวัญกำลังใจของพนักงานส่วนท้องถิ่น รวมทั้งประสิทธิภาพของการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งทางตรงและทางอ้อม และ (4) ร่างมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ..... ประกอบด้วยบทบัญญัติ จำนวน 47 มาตรา แบ่งออกเป็น 4 หมวด ดังนี้ หมวด 1 นิยามศัพท์ หมวด 2 คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น  หมวด 3 อำนาจหน้าที่ หมวด 4 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกดำเนินการทางวินัยของพนักงานส่วนท้องถิ่น\u0000สรุปผล: ผลการศึกษาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรวมแนวคิดต่างๆ เช่น การรักษาหลักนิติธรรม การควบคุมอำนาจรัฐ และการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับกระบวนการทางวินัยเท่านั้น นอกจากจะเป็นอันตรายต่อประสิทธิผลขององค์กรแล้ว การไม่คำนึงถึงสิทธ","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 14","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141374424","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การศึกษาและพัฒนาสมรรถนะการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินต้นทุนต่ำ การศึกษาและพัฒนาสมรรถนะการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินต้นทุนต่ำ
Interdisciplinary Academic and Research Journal Pub Date : 2024-06-07 DOI: 10.60027/iarj.2024.276000
ธวัช เลาหอรุโณทัย, ชิตพงษ์ อัยสานนท์
{"title":"การศึกษาและพัฒนาสมรรถนะการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินต้นทุนต่ำ","authors":"ธวัช เลาหอรุโณทัย, ชิตพงษ์ อัยสานนท์","doi":"10.60027/iarj.2024.276000","DOIUrl":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276000","url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การบริการที่มีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจการบิน โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน แต่ต้องรักษามาตรฐานการบริการที่ดีไว้ด้วย ดังนั้น สมรรถนะการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ควรได้รับการศึกษา การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินต้นทุนต่ำ 2) เพื่อศึกษาความแตกต่างระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและสมรรถนะการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินต้นทุนต่ำ\u0000ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ค่า IOC เท่ากับ 0.62 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.974 กลุ่มตัวอย่างคือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ จำนวน 333 คน โดยสุ่มแบบแบ่งชั้น การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)\u0000ผลการวิจัย: 1) ในภาพรวมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินต้นทุนต่ำมีสมรรถนะการบริการอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านทักษะการบริหาร/จัดการและเทคนิคเฉพาะงาน 2) ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และประสบการณ์ทำงานมีความแตกต่างกับสมรรถนะการบริการของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่ด้านเพศไม่มีความแตกต่าง\u0000สรุปผล: กลุ่มตัวอย่าง 333 พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินต้นทุนต่ำ ส่วนใหญ่เพศหญิง อายุ 25-34 ปี การศึกษาปริญญาตรี ประสบการณ์ 5-7 ปี สมรรถนะการบริการอยู่ในระดับมากที่สุด (4.39) สูงสุดด้านทักษะการบริหาร/จัดการและเทคนิคเฉพาะงาน (4.42) อายุ การศึกษา ตำแหน่ง และประสบการณ์ส่งผลต่อสมรรถนะการบริการอย่างมีนัยสำคัญ","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":" 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2024-06-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"141371784","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
相关产品
×
本文献相关产品
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:604180095
Book学术官方微信