Siriraj Medical Bulletin最新文献

筛选
英文 中文
V - Easy All in One Exercise: นวัตกรรมอุปกรณ์เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณมือ V -简单的都在一个练习:นวัตกรรมอุปกรณ์เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณมือ
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v16i1.259330
วีรวิชญ์ พณิชศุภเศรษฐ์, ฐิตาภา ขวัญยืน
{"title":"V - Easy All in One Exercise: นวัตกรรมอุปกรณ์เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณมือ","authors":"วีรวิชญ์ พณิชศุภเศรษฐ์, ฐิตาภา ขวัญยืน","doi":"10.33192/smb.v16i1.259330","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.259330","url":null,"abstract":"การบาดเจ็บบริเวณมือเป็นปัญหาที่สำคัญ ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหลังการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถใช้มือทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ได้หรือทำได้ลดน้อยลง จากปัญหาดังกล่าววิธีการฟื้นฟูที่นิยม คือการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (muscle strength ) แบบใช้แรงต้านแบบก้าวหน้า (progressive resistive exercise) บทความนี้ได้นำเสนอแนวคิดในการพัฒนา V - Easy All in One Exercise ซึ่งเป็นนวัตกรรมต้นแบบของอุปกรณ์ในการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณมือในท่าทางต่าง ๆ ที่สามารถปรับแรงต้านได้ โดยนวัตกรรมชิ้นนี้อาจสามารถเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อดังกล่าวและส่งผลให้มีความสามารถใช้มือในการทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันได้เพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามตัวอุปกรณ์ยังต้องได้รับการทดสอบทั้งด้านประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญและนำมาทดลองใช้ในมนุษย์ในรูปแบบของงานวิจัยเพิ่มเติม เพื่อให้นวัตกรรมชิ้นนี้สามารถเป็นอุปกรณ์ในการนำไปใช้ออกกำลังสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการบาดเจ็บบริเวณมือได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"50 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"131149026","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การพยาบาลผู้ป่วยนอกที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานกลุ่มใหม่ 接受新口服抗凝剂的门诊护理
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v16i1.258341
เสาวภา ศรีพรหม, อรทัย บุญชูวงศ์
{"title":"การพยาบาลผู้ป่วยนอกที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานกลุ่มใหม่","authors":"เสาวภา ศรีพรหม, อรทัย บุญชูวงศ์","doi":"10.33192/smb.v16i1.258341","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.258341","url":null,"abstract":"ยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานกลุ่มใหม่ หรือที่เรียกว่ายากลุ่ม Direct Oral Anticoagulants (DOACs) เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทานที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ factor ที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดโดยตรง ได้แก่ direct thrombin (factor IIa) inhibitor และ direct factor Xa inhibitors ยาสามารถใช้ได้ในการรักษาผู้ป่วยนอก ในประเทศไทยยากลุ่ม DOACs ที่ได้รับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (United States Food and Drug Administration) มีทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ Dabigatran, Rivaroxaban, Apixaban และ Edoxaban โดยยาทุกชนิดในกลุ่มนี้เป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ยากลุ่ม DOACs มีประโยชน์ทางการแพทย์เป็นอย่างมาก เป็นยากลุ่มใหม่ที่นำมาใช้ทดแทนยา Warfarin เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation; AF) โรคลิ้นหัวใจ (valvular heart disease) โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด (ischemic stroke) โรคหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตันที่ขา (Deep vein thrombosis; DVT) โรคหลอดเลือดดำอุดตันที่ปอด (Pulmonary Embolism; PE) อย่างไรก็ตาม การใช้ยากลุ่ม DOACs ดังกล่าวอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หากไม่ได้รับการดูแลและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ภาวะแทรกซ้อน ที่พบบ่อย คือ ภาวะเลือดออก เนื่องจากภาวะนี้ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ส่งผลให้รักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้น เสียค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น ดังนั้นพยาบาลจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ ข้อบ่งใช้ยา ข้อห้าม การให้ยา ปฏิกิริยาระหว่างยากับยา ภาวะแทรกซ้อนของยา รวมถึงการให้คำแนะนำผู้ป่วยได้รับยากลุ่มดังกล่าวเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นและให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"10 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"128055220","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการถ่ายภาพรังสี ทรวงอกที่งานรังสีเทคนิค ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก 在医学中心的放射技术工作中拍摄乳房X光照片给病人的剂量。
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v16i1.258686
ศุภวรรณ จิวะพงศ์, บุณยานุช พัฒนาดิสัย, สมลักษณ์ จำรูญสาย
{"title":"ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการถ่ายภาพรังสี ทรวงอกที่งานรังสีเทคนิค ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก","authors":"ศุภวรรณ จิวะพงศ์, บุณยานุช พัฒนาดิสัย, สมลักษณ์ จำรูญสาย","doi":"10.33192/smb.v16i1.258686","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.258686","url":null,"abstract":"วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการถ่ายภาพรังสีทรวงอก ที่งานรังสีเทคนิค ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และเปรียบเทียบกับค่าปริมาณรังสีอ้างอิงมาตรฐานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และการศึกษาอื่น ๆ วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงการสังเกตเชิงพรรณนา ในผู้ป่วยอายุ 18-70 ปี น้ำหนักอยู่ในช่วง 60 ± 15 กิโลกรัม ที่เข้ารับการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล SAMSUNG รุ่น XGEO GC80 เก็บข้อมูลทั่วไป และพารามิเตอร์ทางเทคนิคประกอบด้วย เพศ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ความหนาทรวงอก ค่าความต่างศักย์สูงสุด ค่ากระแสหลอดคูณเวลาในผู้ป่วย 304 ราย ระหว่างเดือนตุลาคม 2564 – พฤษภาคม 2565 ประเมินค่าปริมาณรังสีที่ผิวหนังจากการคำนวณตามสูตรที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องแนะนำ ใช้ค่ามัธยฐาน และควอไทล์ที่ 3 ของค่าปริมาณรังสีที่คำนวณได้เปรียบเทียบกับระดับปริมาณรังสีอ้างอิงของหน่วยงานระดับชาติ นานาชาติ และการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้องผลการศึกษา: ปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการถ่ายภาพรังสีทรวงอก มีค่ามัธยฐาน และควอไทล์ที่ 3 เท่ากับ 0.13 และ 0.15 มิลลิเกรย์ ตามลำดับ ค่ากระแสหลอดคูณเวลาเฉลี่ยสำหรับเทคนิค AEC และ manual 2.89, 3.43 mAs ตามลำดับ ทั้ง 2 เทคนิคใช้ค่าความต่างศักย์สูงสุดเท่ากัน 110 kVp ค่ากระแสหลอดคูณเวลาอยู่ในช่วง 1.9-6 mAs ขึ้นอยู่กับเทคนิค และความหนาผู้ป่วยสรุป: ค่าปริมาณรังสีที่ได้รับจากการถ่ายภาพรังสีทรวงอก ต่ำกว่าระดับปริมาณรังสีอ้างอิงของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และการศึกษาอื่นๆ ผลการศึกษานำไปสู่การพัฒนาปรับค่าความต่างศักย์สูงสุด และค่ากระแสหลอดคูณเวลาที่เหมาะสมให้ปริมาณรังสีอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามคุณภาพของภาพจะต้องเพียงพอให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวินิจฉัยทางคลินิก","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"301 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"122575851","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
แนวปฏิบัติเพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ ในห้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี โรงพยาบาลศิริราช 在妇科医院妇科妇科妇科妇产科实施缓解婚姻暴力的措施
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v16i1.259297
รศ.พญ. เจนจิต ฉายะจินดา, บุหงา ตโนภาส, ปารีดา ต่วนแวนา, พรทิพย์ ราชพรหมมา, ส่งศรี เมืองทอง, ทัศนีย์ นิลสูงเนิน, ธิดารัตน์ ปุรณะชัยคีรี
{"title":"แนวปฏิบัติเพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ ในห้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี โรงพยาบาลศิริราช","authors":"รศ.พญ. เจนจิต ฉายะจินดา, บุหงา ตโนภาส, ปารีดา ต่วนแวนา, พรทิพย์ ราชพรหมมา, ส่งศรี เมืองทอง, ทัศนีย์ นิลสูงเนิน, ธิดารัตน์ ปุรณะชัยคีรี","doi":"10.33192/smb.v16i1.259297","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.259297","url":null,"abstract":"ความรุนแรงในชีวิตคู่ เป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงในครอบครัว เป็นภาวะที่พบได้บ่อย และส่งผลในระยะยาวต่อผู้ถูกกระทำและบุคคลรอบข้างในครอบครัว ความรุนแรงในชีวิตคู่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพสตรีทั้งการเจ็บป่วยทางกายและทางจิตใจ และยังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อสุขภาพทางเพศ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การมีความสัมพันธ์ทางเพศกับสตรีอื่น ทั้งการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม จนถึงการทำแท้ง และผลอันหนึ่งคือโอกาสติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามการศึกษาความชุกของปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ในสถานบริการสุขภาพยังมีน้อยมาก หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี ได้ทำการสำรวจความชุกของปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ โดยใช้เครื่องมือ Ongoing Abuse Screen (OAS) และ Partner Violence Screen (PVS) พบว่าร้อยละ 39 ของผู้มารับบริการประสบปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ โดยพบบ่อยในกลุ่มสตรีที่มีอายุมากกว่า 20 ปี กลุ่มที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายในระยะเวลา 12 เดือน และกลุ่มที่มีระยะเวลาของความสัมพันธ์ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 36 เดือน ความผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เริมที่อวัยวะเพศ และภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ตอบแบบประเมินรายใดต้องการความช่วยเหลือ การตรวจคัดกรองความรุนแรงในชีวิตคู่และจัดทำแนวทางดูแลเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้มารับบริการจึงเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญ โดยมีแนวทางปฏิบัติคือคัดกรองและกระตุ้นเตือนความตระหนักรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่บุคคลทุกคนไม่ควรถูกกระทำความรุนแรง การเสริมพลังความเข้มแข็ง การดูแลผู้ที่ประสบปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากแพทย์พยาบาลผู้ดูแลรักษาโรคทางกาย และคัดกรองปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ จิตแพทย์เพื่อดูแลสุขภาวะทางใจ และนักสังคมสงเคราะห์เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางสังคม ในปัจจุบันมีหน่วยงานหลายภาคส่วนได้เปิดช่องทางเพื่อให้ความช่วยเหลือ รวมถึงการมีกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เพื่อป้องปรามเหตุการณ์เหล่านี้ ทางหน่วยร่วมกับภาควิชาจิตเวชศาสตร์ และงานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลศิริราช ได้จัดทำแนวปฏิบัติเพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ เพื่อประสานงานดูแลผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"1 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"129401056","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ช่องคลอดใหม่: การดูแลและบริการที่ห้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี โรงพยาบาลศิริราช 新阴道:妇产科医院性病诊室的护理和服务
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v16i1.257535
เจนจิต ฉายะจินดา, ชนากานต์ เกิดกลิ่นหอม, กิตติภูมิ ชินหิรัญ, อัมรินทร์ สุวรรณ, ชานนท์ เนื่องตัน
{"title":"ช่องคลอดใหม่: การดูแลและบริการที่ห้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี โรงพยาบาลศิริราช","authors":"เจนจิต ฉายะจินดา, ชนากานต์ เกิดกลิ่นหอม, กิตติภูมิ ชินหิรัญ, อัมรินทร์ สุวรรณ, ชานนท์ เนื่องตัน","doi":"10.33192/smb.v16i1.257535","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.257535","url":null,"abstract":" บุคคลที่สามารถเปลี่ยนเพศสภาวะจากชายเป็นหญิง เมื่อมีการผ่าตัดเปลี่ยนเพศจะมีลักษณะภายนอกของระบบสืบพันธุ์คล้ายคลึงกับสตรีแต่กำเนิด ช่องคลอดใหม่จึงเป็นช่องทางหลักในการมีเพศสัมพันธ์ แต่เยื่อบุผนังช่องคลอดจะแตกต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายมีการปรับตัว จนทำให้สมดุลของช่องคลอดมีความคล้ายคลึงช่องคลอดปกติ และทำให้มีแนวโน้มเกิดโรคติดเชื้อระบบสืบพันธ์สตรีได้เช่นเดียวกับสตรีแต่กำเนิด เรื่องนี้ถือเป็นความท้าทายหนึ่งของการแพทย์ในปัจจุบันเนื่องจากข้อมูลยังมีจำกัดอยู่มาก หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรีตระหนักถึงแนวโน้มของโลกในเรื่องการแสดงถึงความหลากหลายทางเพศและการบริการสำหรับประชากรกลุ่มนี้ที่ยังไม่เพียงพอ ถึงแม้จะมีข้อมูลจำกัด การดูแลช่องคลอดใหม่และการดูแลช่องคลอดแต่กำเนิดน่าจะมีความคล้ายคลึงกัน โดยพื้นฐานของการดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพที่คำนึงถึงสภาวะร่างกาย จิตใจ และสังคม บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงข้อมูลความรู้พื้นฐานและการบริการที่จัดขึ้นของหน่วยฯ ซึ่งอาจสามารถนำไปปรับใช้ในสถานบริการอื่น ๆ ต่อไป","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"104 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"130105593","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Speech and Language in Children with Autism Spectrum Disorders 自闭症谱系障碍儿童的言语和语言
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/simedbull.v15i4.256480
Pattalada Chaturavitwong
{"title":"Speech and Language in Children with Autism Spectrum Disorders","authors":"Pattalada Chaturavitwong","doi":"10.33192/simedbull.v15i4.256480","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/simedbull.v15i4.256480","url":null,"abstract":"Language and speech difficulties are prevalent in children with Autism Spectrum Disorders (ASD). According to studies, more than half of children with autism are unable to communicate by speech. For those children with autism who can develop spoken language, language proficiency is sometimes delayed. This may cause children with ASD to find it very challenging to function in society. Apart from making it difficult for autistic children to function in society, Caregivers and others who live with children with ASD in society have challenges as well. Although factors affecting a child's development depend on several factors, such as the speed at which the diagnosis is made, regular speech and language simulation training, and the child's intelligence level. Children with ASD, on the other hand, require early screening and diagnosis, as well as counselling to parents, to develop their abilities to their full potential. It is critical for children with ASD to develop their abilities to their maximum potential in order to make a long-term good impact on their life. The purpose of this article is to review what is known about speech and language development in children with ASD, as well as how to correctly stimulate speech and language among them to be utilized for diagnosis, advising, and further early interventions program for children with ASD.","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"108 2 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"124177180","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Incentive Spirometry and Deep Breathing Exercise for Improving Respiratory Volume in Preoperative Spine Surgery Patients 激励性肺活量测定和深呼吸练习对脊柱手术患者术前呼吸量的改善作用
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v16i1.259101
Watchara Sudachom, Anchalee Kongsomchom, S. Thanapipatsiri, Hathairut Sappasuk
{"title":"Incentive Spirometry and Deep Breathing Exercise for Improving Respiratory Volume in Preoperative Spine Surgery Patients","authors":"Watchara Sudachom, Anchalee Kongsomchom, S. Thanapipatsiri, Hathairut Sappasuk","doi":"10.33192/smb.v16i1.259101","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.259101","url":null,"abstract":"Objective: To investigate the effects of incentive spirometry and deep breathing exercises on forced vital capacity (FVC) and chest expansion in preoperative spine surgery patients.\u0000Material & Methods: Fifty-eight patients who were scheduled for spine surgery were recruited from December 2016 to January 2019. Twenty-eight and 30 patients were scheduled for cervical and thoracic/lumbar spine surgery, respectively. All patients were informed of the study protocol, evaluated by a physical therapist, and provided with respiratory training via incentive spirometry and deep breathing exercises. FVC and chest expansion were measured and recorded prior to training, as well as two weeks and four weeks after respiratory training.\u0000Results: In preoperative spine patients, FVC and chest expansion were significantly increased (p<0.05) after respiratory training with incentive spirometry and deep breathing exercises. The FVC in a seated position prior to respiratory training, after 2 weeks of training, and after 4 weeks of training is 2,277.9±599, 2,446.6±614.2, and 2,546.5±591.7 milliliters, respectively. The FVC in the supine position prior to respiratory training, after 2 weeks of training, and after 4 weeks of training is 2,080.2±589, 2,268.3±604.3, and 2,365.9±596.1 milliliters, respectively. Chest expansion in a seated position before respiratory training, after 2-week training, and after 4-week training is 4.2±1.3, 4.6±1.2 and 4.7±1.3 centimeters. Chest expansion in supine position before respiratory training, after 2-week training, and after 4-week training is 3.9±1.2, 4.5±1.3 and 4.5±1.2 centimeters respectively.\u0000Conclusion: Preoperative respiratory training for 2 weeks and 4 weeks using incentive spirometry and conventional deep breathing exercises significantly increased both FVC and chest expansion in patients undergoing spine surgery.","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"74 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"124194065","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
แนวปฏิบัติในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีชนิดเรื้อรังในโรงพยาบาลศิริราช 在Shearraj医院治疗慢性乙型肝炎孕妇的指导方针
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v15i4.257660
รศ.พญ. เจนจิต ฉายะจินดา, สุพัตรา รุ่งไมตรี, สุพจน์ นิ่มอนงค์, จิตรลดา เอี่ยมหฤท, ปิโยรส ปรีชา, มาลินี แตงเขียว
{"title":"แนวปฏิบัติในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีชนิดเรื้อรังในโรงพยาบาลศิริราช","authors":"รศ.พญ. เจนจิต ฉายะจินดา, สุพัตรา รุ่งไมตรี, สุพจน์ นิ่มอนงค์, จิตรลดา เอี่ยมหฤท, ปิโยรส ปรีชา, มาลินี แตงเขียว","doi":"10.33192/smb.v15i4.257660","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v15i4.257660","url":null,"abstract":"การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นปัญหาสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากสามารถถ่ายทอดไปยังทารกในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ และการคลอด ผู้ที่รับเชื้ออาจกลายเป็นผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบชนิดเรื้อรัง ความเสี่ยงของการติดเชื้อเรื้อรังเป็นสัดส่วนผกผันกับอายุที่ติดเชื้อ โดยพบว่าการติดเชื้อในอายุยิ่งน้อยจะมีโอกาสนี้มากขึ้น ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกจึงเป็นแนวทางสำคัญที่จะลดอุบัติการณ์ของผู้ป่วยชนิดเรื้อรัง กุญแจแห่งความสำเร็จ ได้แก่ การค้นหาหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ การตรวจเลือดหาปริมาณไวรัส หรือ HBeAg เพื่อช่วยพิจารณาการให้ยาลดปริมาณไวรัส หากมีการให้ยาจะต้องมีการให้อย่างต่อเนื่องถึงหลังคลอด 3 เดือนและติดตามผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ทารกแรกเกิดโดยให้ทั้งอิมมูโนโกลบูลินต่อไวรัสตับอักเสบบี (HBIG) และวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B vaccine) อย่างเร็วที่สุด การติดตามทารกเพื่อมารับวัคซีนอย่างครบถ้วน และตรวจประเมินการติดเชื้อของทารกที่อายุ 9-12 เดือน บทความนี้จะแสดงถึงแนวปฏิบัติในโรงพยาบาลศิริราช","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"11 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"134088833","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การบำบัดโดยใช้การเจริญสติเป็นฐานสำหรับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม 认知疗法是痴呆症患者的基础。
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2023-01-01 DOI: 10.33192/smb.v15i1.254071
วีรนันท์ แย้มรัตนกุล
{"title":"การบำบัดโดยใช้การเจริญสติเป็นฐานสำหรับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม","authors":"วีรนันท์ แย้มรัตนกุล","doi":"10.33192/smb.v15i1.254071","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v15i1.254071","url":null,"abstract":"หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี พ.ศ.2564 เป็นเหตุให้เกิดความเสี่ยงและนำไปสู่โรคสมองเสื่อมได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันพบประมาณ 50 ล้านคนทั่วโลก และยังคงเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ส่งผลให้ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอย่างมาก ดังนั้นการป้องกันและการให้ความสำคัญกับการรักษาตั้งแต่ช่วงต้น ด้วยการรักษาแบบประคับประคองร่วมกับการรักษาโดยใช้ยาและไม่ใช้ยาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ปัจจุบันการบำบัดโดยใช้การเจริญสติเป็นฐาน ได้รับการยอมรับและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมได้ โดยเฉพาะโปรแกรมการลดความเครียดด้วยการเจริญสติและโปรแกรมการบำบัดจิตด้วยการเจริญสติ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีต้นทุนต่ำและสามารถฝึกได้ทุกที่ โดยโปรแกรมการบำบัดโดยใช้การเจริญสติเป็นฐานสามารถชะลอการเสื่อมสภาพของสมองตามวัย ทำให้ความบกพร่องของความสามารถของสมองช้าลง อาการซึมเศร้าและภูมิคุ้มกันดีขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้ที่มีความผิดปกติเล็กน้อยของความสามารถของสมองดีขึ้น สำหรับในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมโปรแกรมการบำบัดโดยใช้การเจริญสติเป็นฐานมีความเป็นไปได้และมีแนวโน้มที่จะช่วยลดอาการกระสับกระส่าย อาการซึมเศร้า และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น ผ่านกลไกหลัก 3 ประการ คือ การฝึกสติที่ส่งผลต่อสมรรถนะของสมองที่สัมพันธ์กับอายุ การส่งผลต่อความจำ และการส่งเสริมการทำงานทางด้านจิตวิทยา ดังนั้นโปรแกรมการบำบัดโดยใช้การเจริญสติเป็นฐาน จึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่อาจนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมและควรทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"57 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"121376083","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
กิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ในหญิงตั้งครรภ์ความเสี่ยงต่ำที่โรงพยาบาลศิริราช 在Siriraj医院进行低风险孕妇怀孕期间的身体活动或锻炼
Siriraj Medical Bulletin Pub Date : 2022-10-01 DOI: 10.33192/smb.v15i4.258114
มารีอา อาซาดเดกาน, ธัญชนก ไชยเพิ่ม, ชยวัฒน์ ผาติหัตถกร, ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร, อรวรรณ พินิจเลิศสกุล, อังสุมา ชูประคอง
{"title":"กิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ในหญิงตั้งครรภ์ความเสี่ยงต่ำที่โรงพยาบาลศิริราช","authors":"มารีอา อาซาดเดกาน, ธัญชนก ไชยเพิ่ม, ชยวัฒน์ ผาติหัตถกร, ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร, อรวรรณ พินิจเลิศสกุล, อังสุมา ชูประคอง","doi":"10.33192/smb.v15i4.258114","DOIUrl":"https://doi.org/10.33192/smb.v15i4.258114","url":null,"abstract":"วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาระดับกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายในหญิงตั้งครรภ์ความเสี่ยงต่ำไตรมาสที่สอง เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์ และประเมินความรู้ความเข้าใจของหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์วิธีการศึกษา: การศึกษานี้รวบรวมหญิงตั้งครรภ์ชาวไทยในไตรมาสที่สอง ที่มาฝากครรภ์ที่ โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 290 ราย ระหว่างเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 ผู้เข้าร่วมวิจัยจะได้รับแบบสอบถามเรื่องความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับการมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ และแบบสอบถามเรื่องกิจกรรมทางกายหรือกิจกรรมทางกายระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งนี้ผู้วิจัยจะสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัว ประกอบด้วย ข้อมูลพื้นฐาน ประวัติทางสูติกรรมผลการศึกษา: จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าคะแนนเฉลี่ยจากแบบสอบถามเรื่องกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์คือ 47.58 จากคะแนนเต็ม 64 คะแนน โดยหญิงครรภ์หลังมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์มากกว่าหญิงครรภ์แรก (p=0.072) หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาชีพแม่บ้าน หรือไม่ได้ประกอบอาชีพมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์น้อยกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาชีพรับจ้าง รับราชการ หรือพนักงานบริษัท (P = 0.057) หญิงตั้งครรภ์ที่จบการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรีมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์มากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป (P=0.041) หญิงตั้งครรภ์ที่เข้าร่วมวิจัยมีคะแนนเฉลี่ยจากแบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังระหว่างการตั้งครรภ์ 4.8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายนั้นสัมพันธ์กับระดับกิจกรรมทางกายระหว่างตั้งครรภ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P = 0.042)สรุป: หญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่ำในไตรมาสที่สองมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์ในระดับปานกลาง ปัจจัยที่มีผลต่อการมีกิจกรรมทางกาย หรือ การออกกำลังกาย ระหว่างการตั้งครรภ์ ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์ และ ระดับการศึกษา สำหรับ อาชีพ และจำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ไม่ได้มีผลต่อการมีกิจกรรมทางกายหรือการออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"54 92 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-10-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"124710903","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
相关产品
×
本文献相关产品
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信