รศ.พญ. เจนจิต ฉายะจินดา, บุหงา ตโนภาส, ปารีดา ต่วนแวนา, พรทิพย์ ราชพรหมมา, ส่งศรี เมืองทอง, ทัศนีย์ นิลสูงเนิน, ธิดารัตน์ ปุรณะชัยคีรี
{"title":"แนวปฏิบัติเพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ ในห้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี โรงพยาบาลศิริราช","authors":"รศ.พญ. เจนจิต ฉายะจินดา, บุหงา ตโนภาส, ปารีดา ต่วนแวนา, พรทิพย์ ราชพรหมมา, ส่งศรี เมืองทอง, ทัศนีย์ นิลสูงเนิน, ธิดารัตน์ ปุรณะชัยคีรี","doi":"10.33192/smb.v16i1.259297","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ความรุนแรงในชีวิตคู่ เป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงในครอบครัว เป็นภาวะที่พบได้บ่อย และส่งผลในระยะยาวต่อผู้ถูกกระทำและบุคคลรอบข้างในครอบครัว ความรุนแรงในชีวิตคู่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพสตรีทั้งการเจ็บป่วยทางกายและทางจิตใจ และยังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อสุขภาพทางเพศ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การมีความสัมพันธ์ทางเพศกับสตรีอื่น ทั้งการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม จนถึงการทำแท้ง และผลอันหนึ่งคือโอกาสติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามการศึกษาความชุกของปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ในสถานบริการสุขภาพยังมีน้อยมาก หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี ได้ทำการสำรวจความชุกของปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ โดยใช้เครื่องมือ Ongoing Abuse Screen (OAS) และ Partner Violence Screen (PVS) พบว่าร้อยละ 39 ของผู้มารับบริการประสบปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ โดยพบบ่อยในกลุ่มสตรีที่มีอายุมากกว่า 20 ปี กลุ่มที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายในระยะเวลา 12 เดือน และกลุ่มที่มีระยะเวลาของความสัมพันธ์ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 36 เดือน ความผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เริมที่อวัยวะเพศ และภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ตอบแบบประเมินรายใดต้องการความช่วยเหลือ การตรวจคัดกรองความรุนแรงในชีวิตคู่และจัดทำแนวทางดูแลเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้มารับบริการจึงเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญ โดยมีแนวทางปฏิบัติคือคัดกรองและกระตุ้นเตือนความตระหนักรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่บุคคลทุกคนไม่ควรถูกกระทำความรุนแรง การเสริมพลังความเข้มแข็ง การดูแลผู้ที่ประสบปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากแพทย์พยาบาลผู้ดูแลรักษาโรคทางกาย และคัดกรองปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ จิตแพทย์เพื่อดูแลสุขภาวะทางใจ และนักสังคมสงเคราะห์เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางสังคม ในปัจจุบันมีหน่วยงานหลายภาคส่วนได้เปิดช่องทางเพื่อให้ความช่วยเหลือ รวมถึงการมีกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เพื่อป้องปรามเหตุการณ์เหล่านี้ ทางหน่วยร่วมกับภาควิชาจิตเวชศาสตร์ และงานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลศิริราช ได้จัดทำแนวปฏิบัติเพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงในชีวิตคู่ เพื่อประสานงานดูแลผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ","PeriodicalId":201356,"journal":{"name":"Siriraj Medical Bulletin","volume":"1 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2023-01-01","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Siriraj Medical Bulletin","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.33192/smb.v16i1.259297","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
在妇科医院妇科妇科妇科妇产科实施缓解婚姻暴力的措施
婚姻暴力是家庭暴力的一个常见和长期后果,对家庭和周围的人都有严重的影响,包括身体和心理上的疾病,以及与不使用避孕套的性行为、未准备怀孕和堕胎的性行为等健康风险。然而,在健康服务机构对婚姻暴力问题的流行病学研究仍然很少。妇产科疾病和性传播疾病管理局对婚姻暴力的流行进行了调查。使用Oas和Partner的使用工具,受访者发现39%的人经历过婚姻暴力。在20岁以上的女性中常见,刚被诊断出12个月的性传播疾病和关系持续时间少于36个月的群体。常见的异常包括阴道炎、生殖器疱疹和骨盆爪炎。然而,没有一个评估者需要帮助,检测婚姻暴力,并制定护理指南来提高他们的生活质量,这是一个重要的过程。有一种方法可以筛选和提醒人们对所有人都不应该受到暴力侵害的基本权利的认识。加强对患有这种疾病的人的照顾需要医生、护士、心理医生和社会工作者的合作,以帮助解决社会问题。为了防止这种情况发生,该院与精神病学和社会服务部门合作,制定了减轻婚姻暴力问题的指导方针,以协调和有效地处理病人。
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。