Suranaree Journal of Social Science最新文献

筛选
英文 中文
การประเมินมูลค่าความเต็มใจที่จะยอมรับค่าชดเชยของชุมชนจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ กรณีศึกษาตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด 垃圾发电厂的社区赔偿评估
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-03-18 DOI: 10.55766/dmcl6269
จักรกฤช เจียวิริยบุญญา, ธารวิมล บรรจง, ปณิธิ มิ่งมงคลเมือง, นรชิต จิรสัทธรรม
{"title":"การประเมินมูลค่าความเต็มใจที่จะยอมรับค่าชดเชยของชุมชนจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ กรณีศึกษาตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด","authors":"จักรกฤช เจียวิริยบุญญา, ธารวิมล บรรจง, ปณิธิ มิ่งมงคลเมือง, นรชิต จิรสัทธรรม","doi":"10.55766/dmcl6269","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/dmcl6269","url":null,"abstract":"วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อประเมินความเต็มใจที่จะยอมรับค่าชดเชยของชุมชนจากการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะ วิธีการศึกษาคือการสมมติเหตุการณ์ให้ประเมินค่าเพื่อทำการประเมินการยอมรับจากสถานการณ์ที่สมมติขึ้น ข้อมูลได้ถูกจัดเก็บจากกลุ่มตัวอย่างใน ตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยการสำรวจตัวเลือกสองชั้นที่มีคำถามปลายปิด ข้อมูลถูกประมาณค่าให้อยู่ในรูป Log-likelihood function เพื่อยืนยันผลทางสถิติระหว่างตัวแปรต่าง ๆ การประมาณการนำเสนอสองกรณีคือ กรณีของผู้ที่อาศัยในพื้นที่เกษตรกรรมที่ใกล้กับโรงไฟฟ้าและกรณีของผู้ที่อาศัยในพื้นที่ ๆรถบรรทุกขยะสัญจรประจำ ผลการศึกษาเผยว่าในกรณีของผู้ที่ใกล้โรงงานไฟฟ้านั้น อายุ ปีที่ได้รับการศึกษา การคาดการณ์ผลทระทบของโรงงานไฟฟ้า และความรู้เกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้า กำหนดระดับของโอกาสการยอมรับโรงงานไฟฟ้าในทางสถิติ กลุ่มตัวอย่างเต็มใจที่จะยอมรับค่าชดเชยที่ 75,000 บาท/ครัวเรือน ในอีกทางหนึ่ง ตัวแปรกำหนดระดับของโอกาสยอมรับของผู้ที่อยู่ในพื้นที่สัญจรของรถบรรทุกคือ ทัศนคติทางบวกต่อโรงงานไฟฟ้าและความต้องการสาธารณูปโภคจำเป็น พวกเขาเต็มใจที่จะยอมรับค่าชดเชยที่ 14,250 บาท/ครัวเรือน การศึกษานี้เสนอให้ผู้ดำเนินนโยบายควรพิจารณาใช้การประเมินมูลค่าก่อนที่ทำการจัดสรรงบประมาณไปสู่พื้นที่ ๆ มีการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้า","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"16 2 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-03-18","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"116644245","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
The Moderating Role of Passion for Service in The Hospitality Industry: Burnout Model 服务热情在酒店业中的调节作用:倦怠模型
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-03-10 DOI: 10.55766/aasd6482
Chakrit Srisakun, Wanny Oentoro
{"title":"The Moderating Role of Passion for Service in The Hospitality Industry: Burnout Model","authors":"Chakrit Srisakun, Wanny Oentoro","doi":"10.55766/aasd6482","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/aasd6482","url":null,"abstract":"The objective of this research was to study the moderating effect of passion for service toward the relationship between burnout and intention to leave among the frontline employees who work in a hotel chains in Bangkok, the targeted population includes 63 hotel-chains in Bangkok, and 554 frontline employees contained suitable data and the moderated multiple regression analysis. The result indicates that passion for service performed the role to reduce the impact of emotional exhaustion and depersonalization on the intention to leave significantly. Based on these finding, the suggestion can be made that the recruiting and retaining the passionate frontline employees who have a passion to work, especially passion to provide service to customers need to be considered as the important factor to reduce the intention to leave which can eventually lead to reduce turnover rate.","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"8 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-03-10","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"128489915","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงบูรณาการที่ส่งผลต่อโรงเรียนคุณภาพ 模型,结构方程,综合领导,影响学校质量。
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-03-10 DOI: 10.55766/lkgt5598
ศักดา พรมกุล, เสาวนี สิริสุขศิลป์
{"title":"โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงบูรณาการที่ส่งผลต่อโรงเรียนคุณภาพ","authors":"ศักดา พรมกุล, เสาวนี สิริสุขศิลป์","doi":"10.55766/lkgt5598","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/lkgt5598","url":null,"abstract":"การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับและอิทธิพลภาวะผู้นำเชิงบูรณาการและโรงเรียนคุณภาพ  2) ตรวจสอบความสอดคล้องความกลมกลืนของโมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงบูรณาการที่ส่งผลต่อโรงเรียนคุณภาพ ที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive  Research) กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นฟังก์ชันของจำนวนพารามิเตอร์ 15 หน่วย ต่อ 1 พารามิเตอร์  การวิจัยครั้งนี้มีจำนวน 10 พารามิเตอร์ ใช้กลุ่มประชากรจำนวน 150 หน่วย โดย 1 หน่วยจะสุ่มเก็บจากครูและผู้บริหารสถานศึกษา โดยใช้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 300 คน วิธีการสุ่มหลายขั้นตอน (Multi-stage random sampling) ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย คือ ตัวแปรแฝง 2 ตัวแปร และตัวแปรแฝงภายใน ประกอบด้วยตัวแปรสังเกตได้ 5 ตัวแปร เครื่องมือในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) แบบสอบถามเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating scale)โดยแบบสอบถามทั้งฉบับมีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) เท่ากับ 0.943 ในการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง ภาวะผู้นำเชิงบูรณาการ ส่งผลต่อโรงเรียนคุณภาพ ซึ่งสรุปผลการวิจัยได้ดังนี้\u0000\u0000ภาวะผู้นำเชิงบูรณาการของผู้บริหาร พบว่า โดยภาพรวมและรายด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านมีวิสัยทัศน์เชิงบูรณาการ ส่วนด้านที่มีค่าต่ำที่สุด คือด้านทำงานเป็นทีมและด้านการมุ่งความสำเร็จ\u0000ระดับการเป็นโรงเรียนคุณภาพ พบว่า โดยภาพรวมและรายด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็น รายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านมีผู้บริหารมีภาวะผู้นำ ส่วนด้านที่มีค่าต่ำที่สุดคือด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน\u0000อิทธิพลของภาวะผู้นำเชิงบูรณาการที่ส่งผลโรงเรียนคุณภาพ มีขนาดอิทธิพลรวมและอิทธิพลทางตรงเชิงบวกเท่ากับ 0.781 โดยตัวแปรภาวะผู้นำเชิงบูรณาการในโมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของการเป็นโรงเรียนคุณภาพได้ร้อยละ 61.10 (R2=0.611)\u0000โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงบูรณาการที่ส่งผลต่อโรงเรียนคุณภาพ มีความสอดคล้องกลมกลืนกับ ข้อมูลเชิงประจักษ์ =31.525, df = 25, / df = 1.261, P-value = 0.1722, RMSEA = 0.029, SRMR = 0.025, CFI =0.997, TLI = 0.995\u0000","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"104 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-03-10","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"121184600","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Science Teachers’ Perceptions of Technological Pedagogical Content Knowledge (TPACK): A Case Study of Opportunity Expansion School in Chaiyaphum 科学教师对技术教学内容知识的认知——以Chaiyaphum机会拓展学校为例
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-03-09 DOI: 10.55766/msei3440
Chotikun Rinla, T. Bongkotphet, Wipharat Chuachuad Chaiyasith
{"title":"Science Teachers’ Perceptions of Technological Pedagogical Content Knowledge (TPACK): A Case Study of Opportunity Expansion School in Chaiyaphum","authors":"Chotikun Rinla, T. Bongkotphet, Wipharat Chuachuad Chaiyasith","doi":"10.55766/msei3440","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/msei3440","url":null,"abstract":"       This qualitative research is a case study that examines the perceptions of Technological Pedagogical Content Knowledge (TPACK) of three lower secondary science teachers from Opportunity Expansion School in Chaiyaphum. Data was collected from teacher interviews, lesson plans, and classroom observations. Data was analyzed through content analysis and methodological triangulation was used to ensure the credibility of this research. The results reveal that most of the teachers perceived that their content knowledge was consistent with scientific concepts. However, they perceived that their technological pedagogical content knowledge was inconsistent with the TPACK framework. The teachers were more likely to use technology in their lectures which reflects that they could not use technology-specific content and pedagogy due to lacking knowledge how to integrate content, pedagogy, and technology. The findings from the present study could be used to design professional development programs to enhance technological pedagogical content knowledge for lower secondary science teachers in Opportunity Expansion Schools.","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"552 ","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-03-09","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"120861987","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การวิเคราะห์เส้นทางของปัจจัยการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่ส่งผลต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวตามแนวคิดของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ด้วยวิธีสมการโครงสร้างแบบกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน 基于最小平方结构方程的方法,分析了影响绿色大学录取的大学内部管理因素的路径。
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-03-08 DOI: 10.55766/cvjg9562
จักเรศ เมตตะธำรงค์, ปภาวิน พชรโชติสุธี, กมลทิพย์ นวมโคกสูง
{"title":"การวิเคราะห์เส้นทางของปัจจัยการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่ส่งผลต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวตามแนวคิดของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ด้วยวิธีสมการโครงสร้างแบบกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน","authors":"จักเรศ เมตตะธำรงค์, ปภาวิน พชรโชติสุธี, กมลทิพย์ นวมโคกสูง","doi":"10.55766/cvjg9562","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/cvjg9562","url":null,"abstract":"การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยของการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่ส่งผลต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว และ 2) วิเคราะห์อิทธิพลของการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่ส่งผลต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร จำนวน 450 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือแบบสอบถาม ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการ PLS-SEM เพื่อวัดความสัมพันธ์ระหว่างกันของตัวแปร ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ 1) ผลการศึกษาปัจจัยของการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยประกอบด้วย การบริหารงานของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ โครงสร้างการทำงาน การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว กิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย การสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม แรงจูงใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ซึ่งการที่นักศึกษามีแรงผลักดันที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือนักศึกษาต้องการร่วมรณรงค์ในทุกกิจกรรมและมหาวิทยาลัยมีบรรยากาศที่ดีต่อการเรียนรู้ และ 2) ผลการวิเคราะห์อิทธิพลของการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่ส่งผลต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว วิเคราะห์ด้วยแบบจำลอง Outer และ Inner ผลการวิเคราะห์มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ ผลการวิเคราะห์มีดังนี้ การบริหารงานของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มีอิทธิพลทางตรงต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว โครงสร้างการทำงานมีอิทธิพลทางตรงต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว กิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว และแรงจูงใจการรักษาสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลทางตรงต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"6 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-03-08","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"116827005","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
วัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศ: การดูแลช่วยเหลืออย่างเข้าใจ 青少年性取向:理解性关怀
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-03-07 DOI: 10.55766/hjjy8282
ปิยวรรณ วิเศษสุวรรณภูมิ, ชนัญชิดา ทุมมานนท์, ชุติมณฑน์ คล้ายแก้ว, กรผกา พัฒนกำพล
{"title":"วัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศ: การดูแลช่วยเหลืออย่างเข้าใจ","authors":"ปิยวรรณ วิเศษสุวรรณภูมิ, ชนัญชิดา ทุมมานนท์, ชุติมณฑน์ คล้ายแก้ว, กรผกา พัฒนกำพล","doi":"10.55766/hjjy8282","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/hjjy8282","url":null,"abstract":"บทความนี้นำเสนอสถานการณ์ของวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศในปัจจุบัน และความซับซ้อนของพัฒนาการวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงแนวทางสำหรับครอบครัวและโรงเรียนในการดูแลช่วยเหลือวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศ  ผู้เขียนได้สังเคราะห์งานวิจัยไทยและต่างประเทศ ประกอบการอภิปรายแง่มุมของสถานการณ์ของวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศในปัจจุบัน  แม้ว่าสังคมส่วนใหญ่จะให้การยอมรับกับความหลากหลายทางเพศ ประเทศต่าง ๆ ออกกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศยังมีวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศจำนวนมากถูกเลือกปฏิบัติ  และไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งครอบครัวและบุคคลรอบข้าง วัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศจึงต้องเผชิญทั้งความท้าทายของพัฒนาการวัยรุ่นที่ต้องข้ามผ่าน และสถานการณ์ภายนอกที่มากระทบ ในขณะที่ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นอีกจำนวนมาก เช่น คนในครอบครัวและโรงเรียนที่ยังไม่เข้าใจภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ดังนั้น   คนในครอบครัวและโรงเรียนที่มีความเข้าใจกับสถานการณ์ที่วัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศจะช่วยให้วัยรุ่นสามารถปรับตัวและมีพัฒนาการที่เหมาะสมเมื่ออยู่ในช่วงวัยรุ่น และลดความเสี่ยงต่อปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมาได้ ตอนท้ายของบทความได้นำเสนอแนวทางในการช่วยเหลือดูแลสำหรับครอบครัวและโรงเรียนเพื่อให้วัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศได้เติบโตเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพ","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"107 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-03-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"123202641","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Construction and Implications of Cannabis Discourse in Thailand’s Cannabis Legalization: A Comparative Study of English-language Traditional and New Media 泰国大麻合法化中大麻话语的建构与启示:英语传统媒体与新媒体的比较研究
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-02-28 DOI: 10.55766/aumo7803
Udomsak Sirita
{"title":"Construction and Implications of Cannabis Discourse in Thailand’s Cannabis Legalization: A Comparative Study of English-language Traditional and New Media","authors":"Udomsak Sirita","doi":"10.55766/aumo7803","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/aumo7803","url":null,"abstract":"Although news reports about cannabis legalization in Thailand were constructed on medical cannabis, several discourses were found in cannabis legalization in traditional and new media. Consequently, the purpose of this research is to examine how English-language texts were linguistically constructed to support or oppose Thailand’s cannabis legalization found in newspaper reports and posts on social media. This study is a qualitative research employing Critical Discourse Analysis (CDA) as the main theoretical framework in which texts were analyzed by using a linguistic analysis tool. The finding suggests that cannabis is constructed as an economic crop, a national property protected for only Thais, a patient benefit, traditional medicine, and a normal thing in pro-movement found in both Bangkok Post Newspaper and Highland Network Page which discourses are related to economic, social, cultural, political, and scientific dimensions. Furthermore, cannabis represented as traditional medicine is an outstanding discourse found in Thai context, which is rarely found in previous studies. However, Highland Network Page tends to provide the only positive side of cannabis and cannabis legalization. Although the negative implications of cannabis were mostly found in Bangkok Post, anti-movement contents were not explicitly reported. The construction of cannabis discourse also reveals the movement of social actors such as patients and activists campaigning against hegemony, farmers in the unfair economic system, healthcare system problems, and stigmatized cannabis users in Thailand.","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"50 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"134501925","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 1
การศึกษาระบบแถวคอยของสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขตลาดกระบังด้วยแบบจำลองคอมพิวเตอร์ 土地注册处的排队系统研究与计算机模型
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-02-07 DOI: 10.55766/fneo4568
พรพิมล ชัยวุฒิศักดิ์
{"title":"การศึกษาระบบแถวคอยของสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขตลาดกระบังด้วยแบบจำลองคอมพิวเตอร์","authors":"พรพิมล ชัยวุฒิศักดิ์","doi":"10.55766/fneo4568","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/fneo4568","url":null,"abstract":"งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระบบแถวคอยในสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นเขตลาดกระบังและหาแนวทางการปรับปรุงระบบการให้บริการเพื่อลดระยะเวลารอคอยโดยเฉลี่ยของประชาชนที่มารับบริการ ซึ่งงานบริการสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มบริการคือ การทำบัตรประจำตัวประชาชาชน ทะเบียนราษฎร และทะเบียนทั่วไป โดยการสร้างแบบจำลองระบบแถวคอยจากข้อมูลที่เก็บรวบรวม ตั้งแต่วันที่ 16-28 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ในช่วงเวลา 08.00-16.00 น. โดยใช้โปรแกรมอารีน่า ทั้งนี้ตัววัดประสิทธิภาพได้แก่ ระยะเวลารอคอยโดยเฉลี่ย ค่าอรรถประโยชน์เฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ ผลการศึกษาพบว่า เวลารอคอยโดยเฉลี่ยเท่ากับ 50 นาทีต่อคน นอกจากนี้เวลารอคอยโดยเฉลี่ยของประชาชนที่มารอรับบริการงานทะเบียนราษฎรมากกว่างานบริการอื่น ๆ รวมทั้งค่าอรรถประโยชน์เฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ทำงานในแต่ละจุดบริการไม่สมดุลกัน ผู้วิจัยจึงได้นำเสนอแนวทางการปรับปรุงระบบ 4 แนวทาง โดยทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน โดยทำการรวมขั้นตอนการอนุมัติบัตรและขั้นตอนการส่งมอบบัตรของงานบริการทำบัตรประจำตัวประชาชนเป็นขั้นตอนเดียว พร้อมทั้งลดจำนวนเจ้าหน้าที่ให้บริการที่จุดบริการดังกล่าว 2 คนและลดจำนวนเจ้าหน้าที่ให้บริการทะเบียนทั่วไป 2 คน เพื่อเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ให้บริการทะเบียนราษฎรแทน ทำให้เวลารอคอยโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 45.91 และค่าอรรถประโยชน์เฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎรลดลงร้อยละ 13.63","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"22 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-02-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"121525770","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
The Effect of Math Ability and English Ability on Graduate Academic Performance Using Database of the International Private University 利用国际私立大学数据库研究数学能力和英语能力对研究生学业成绩的影响
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-02-03 DOI: 10.55766/jaae8962
Sumredj Aryupong, Pirat Amornsupasiri, Sittipon Sangsa-ard
{"title":"The Effect of Math Ability and English Ability on Graduate Academic Performance Using Database of the International Private University","authors":"Sumredj Aryupong, Pirat Amornsupasiri, Sittipon Sangsa-ard","doi":"10.55766/jaae8962","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/jaae8962","url":null,"abstract":"       The purposes of this study are to examine the relationship between student demographics and Math ability and English ability; to examine the relationship between student academic background and Math ability and English ability; to examine the relationship between Math ability and English ability and graduate academic performance using database of the international private university. This study collected data of graduates from the database of the international private university to test hypotheses with three sets of data; the first set was combined from four graduate batches (batches 44-47), the second set was one latest batch (batch 47), and the third set was sample taking 10% from total four batches. Data were analyzed with multiple regression analysis, independent sample t-test, and one-way ANOVA. The results found that student demographics (gender, age, and nationality), and their academic background (types of school, math skills in high school, and majors) determined their Math ability and English ability, except types of high school on Math ability. In addition, both Math and English abilities also influenced graduate performance.","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"6 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-02-03","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"130398424","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Knowledge Management Capability and Innovativeness of Public Organizations: Examining the Moderating Roles of Social Capital and Creative Organizational Climate 公共组织知识管理能力与创新:社会资本和创新组织氛围的调节作用
Suranaree Journal of Social Science Pub Date : 2022-01-27 DOI: 10.55766/dzxj8971
Panissara Naowakhoaksorn, P. Suwannarat, Karun Pratoom, Veeraya Pataraarechachai
{"title":"Knowledge Management Capability and Innovativeness of Public Organizations: Examining the Moderating Roles of Social Capital and Creative Organizational Climate","authors":"Panissara Naowakhoaksorn, P. Suwannarat, Karun Pratoom, Veeraya Pataraarechachai","doi":"10.55766/dzxj8971","DOIUrl":"https://doi.org/10.55766/dzxj8971","url":null,"abstract":"       The main objective of this study is to examine the moderating role of social capital on the relationship between knowledge-oriented leadership and knowledge management capability (KMC). Also, to explore the moderating role of creative organizational climate on the relationship between KMC and public organizational innovativeness is aimed. Structural equation modeling (SEM) was applied to analyze the survey data from 784 tax administrative organizations in Thailand to test the proposed hypotheses. The results presented that knowledge-oriented leadership positively influences KMC. Meanwhile, KMC positively affects public organizational innovativeness. For the moderating effect, the findings indicated that social capital positively moderates the relationship between knowledge-oriented leadership and KMC. Additionally, creative organizational climate positively moderates the relationship between the accumulation of knowledge stocks and organizational innovativeness. Surprisingly, creative organizational climate negatively moderates the relationship between the regulation of knowledge flows and organizational innovativeness. These empirical results provide some recommendations for executives of public organizations in recognizing how to appropriately play a leadership role for effective knowledge management. Simultaneously, they could support important internal factors such as social capital and creative organizational climate to enhance their knowledge management capability and organizational innovativeness.","PeriodicalId":145995,"journal":{"name":"Suranaree Journal of Social Science","volume":"42 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-01-27","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"114207927","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 1
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
相关产品
×
本文献相关产品
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信