Health Science Journal of Thailand最新文献

筛选
英文 中文
สมรรถภาพปอดของพนักงานโรงงานแป้งมันสำปะหลัง สมรรถภาพปอดของพนักงานโรงงานแป้งมันสำปะหลัง
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-07-17 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.260353
สุจิรัตน์ พรมเทศ, กนกทิพย์ ส้านสิงห์, ปิยธิดา ชัยเวียง, เนติพงษ์ สอนประเทศ, ณัจฉรียา คำยัง
{"title":"สมรรถภาพปอดของพนักงานโรงงานแป้งมันสำปะหลัง","authors":"สุจิรัตน์ พรมเทศ, กนกทิพย์ ส้านสิงห์, ปิยธิดา ชัยเวียง, เนติพงษ์ สอนประเทศ, ณัจฉรียา คำยัง","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.260353","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.260353","url":null,"abstract":"การทำงานที่สัมผัสกับฝุ่นละอองมีผลต่อการลดลงของสมรรถภาพปอดและทำให้เกิดโรคในระบบหายใจ การวิจัยครั้งนี้ศึกษาเชิงสำรวจภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถภาพปอดของพนักงานโรงงานแป้งมันสำปะหลัง และการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพปอดของพนักงานโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ภายในระยะเวลา 1 เดือน กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานโรงงานแป้งมันสำปะหลังที่ผ่านเกณฑ์การคัดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 98 คน ทำการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และตรวจวัดสมรรถภาพปอด วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา อธิบายด้วยค่าจำนวน และร้อยละ เปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยด้วย Dependent t-test แปลผลการตรวจสมรรถภาพปอด โดยวิธี Specified ratio นำผลการตรวจวัดเปรียบเทียบกับค่าคาดคะเน ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีค่าสมรรถภาพปอด FEV1 ผิดปกติ ร้อยละ 77.55 FVC ผิดปกติ ร้อยละ 69.39 ผลตรวจสมรรถภาพปอดครั้งที่ 2 ระยะเวลาห่างกัน 1 เดือน พบว่า FEV1 ผิดปกติเพิ่มขึ้น ร้อยละ 84.70 FVC ผิดปกติเพิ่มขึ้น ร้อยละ 80.61 และเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยของสมรรถภาพปอด ระยะเวลาห่างกัน 1 เดือน มีค่า FEV1 แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (p-value = 0.001) โดยมีค่าระดับความผิดปกติสมรรถภาพปอดเพิ่มขึ้นเท่ากับ 5.51 ค่า FVC แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (p-value <0.001) โดยมีค่าระดับความผิดปกติสมรรถภาพปอดเพิ่มขึ้นเท่ากับ 8.39 ค่า %FEV1 แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าลดลง 14.23","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"20 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-07-17","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"139358813","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดปอดอักเสบและการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับจากการนอนในโรงพยาบาลศูนย์แห่งหนี่ง ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดปอดอักเสบและการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับจากการนอนในโรงพยาบาลศูนย์แห่งหนี่ง ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-07-17 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.260980
วัจนารัตน์ นิตย์โชติ
{"title":"ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดปอดอักเสบและการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับจากการนอนในโรงพยาบาลศูนย์แห่งหนี่ง ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย","authors":"วัจนารัตน์ นิตย์โชติ","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.260980","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.260980","url":null,"abstract":"โรงพยาบาลหาดใหญ่พบการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับจากการนอนโรงพยาบาลเดือนสิงหาคม 2564 ผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวเป็นผลให้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์ต่อการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับจากการนอนโรงพยาบาล และศึกษาสาเหตุและปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดปอดอักเสบจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับจากการนอนโรงพยาบาล ศึกษาวิจัยแบบย้อนหลังเก็บผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ผลตรวจ RT-PCR หรือ ATK ให้ผลบวกหลังจากนอนโรงพยาบาล 3 วัน ตั้งแต่สิงหาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Multiple logistic regression โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ p value <0.05 พบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อ 102 คน พบปัจจัยที่มีผลต่อภาวะปอดอักเสบ คือ อายุมากกว่า 60 ปี มีโรคประจำตัว และมีอาการซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติ สาเหตุของการติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดจากการนอนโรงพยาบาลหาดใหญ่มาจากผู้ป่วยเตียงข้างเคียงหรือญาติที่มาเฝ้าไข้ และไม่สามารถระบุสาเหตุของการติดเชื้อได้ ส่วนปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือโรคเลือดและภาวะปอดอักเสบ โดยสรุป ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะปอดอักเสบคือ อายุมากกว่า 60 ปีที่มีโรคประจำตัวและมีอาการโดยสาเหตุของการติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดจากการนอนโรงพยาบาลหาดใหญ่มาจากผู้ป่วยเตียงข้างเคียงหรือญาติที่มาเฝ้าไข้ และไม่สามารถระบุสาเหตุของการติดเชื้อได้ ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากการนอนโรงพยาบาลที่มีโรคเลือดและภาวะปอดอักเสบควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"22 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-07-17","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"139358532","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน จังหวัดศรีสะเกษ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน จังหวัดศรีสะเกษ
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-07-17 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.258305
วิวัฒน์ บงค์บุตร, อารี บุตรสอน
{"title":"ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน จังหวัดศรีสะเกษ","authors":"วิวัฒน์ บงค์บุตร, อารี บุตรสอน","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.258305","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.258305","url":null,"abstract":"การวิจัยแบบภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 340 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2564 วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มัธยฐาน เปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 25 และ 75 สถิติเชิงอนุมานใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบ Stepwise ผลการวิจัย พบว่า พฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ภาพรวมอยู่ในระดับดี ร้อยละ 94.5 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มี 6 ปัจจัย ได้แก่ การรับรู้ความสามารถของตนในการป้องกันและควบคุมโรค ความรู้ แรงสนับสนุนทางสังคม ระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น ความตั้งใจต่อการป้องกันและควบคุมโรค และการได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค โดยสามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร้อยละ 29.30 (R2 = 0.293, R2adj = 0.280, SEest = 2.142, F = 22.860, p-value <0.001) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากผลการวิจัยนี้ มาตรการทางสาธารณสุขที่มีเป้าหมายเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ควรคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าว","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"263 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-07-17","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"139358548","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน ในตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน ในตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-07-17 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.258926
รัชดาพร คงแสนคำ, สุพัตรา กาลรัตน์, ศิริลักษณ์ ช่วงมี, เสาวนีย์ โปษกะบุตร, ปัทมา รักเกื้อ
{"title":"ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน ในตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา","authors":"รัชดาพร คงแสนคำ, สุพัตรา กาลรัตน์, ศิริลักษณ์ ช่วงมี, เสาวนีย์ โปษกะบุตร, ปัทมา รักเกื้อ","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.258926","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.258926","url":null,"abstract":"การวิจัยเชิงสำรวจครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรม และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนในตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา กลุ่มตัวอย่างคือประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 307 คน สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติถดถอยพหุคูณโลจิสติก ผลการวิจัยพบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภาพรวมอยู่ในระดับดี (ร้อยละ 92.18) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ การเข้าถึงบริการสุขภาพ แรงสนับสนุนจากครอบครัว การกระตุ้นเตือนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และผู้นำชุมชน โดยที่การเข้าถึงบริการสุขภาพระดับสูงมีพฤติกรรมดีกว่า 2.07 เท่า (ORadj = 2.07, 95%CI: 1.19-3.61) แรงสนับสนุนจากครอบครัวระดับสูงมีพฤติกรรมดีกว่า 2.47 เท่า (ORadj = 2.47, 95%CI: 1.22-4.13) และการกระตุ้นเตือนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และผู้นำชุมชนระดับสูงมีพฤติกรรมดีกว่า 2.25 เท่า (ORadj = 2.25, 95%CI: 1.22-4.13) ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพ และให้แรงสนับสนุนทางสังคมทั้งจากครอบครัว เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และผู้นำชุมชนอย่างต่อเนื่อง","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"60 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-07-17","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"139358681","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Comparison of Hospitals in Jakarta as Decision-Making Unit for Technical Efficiency and Cost Values: Application of DEA and SFA 雅加达医院作为决策单位的技术效率和成本价值比较:应用 DEA 和 SFA
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-07-17 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.260407
Dyah Retno Wati, Vorasith Sornsrivichai, Sopin Jirakiattikul, Amorn Rodklai
{"title":"Comparison of Hospitals in Jakarta as Decision-Making Unit for Technical Efficiency and Cost Values: Application of DEA and SFA","authors":"Dyah Retno Wati, Vorasith Sornsrivichai, Sopin Jirakiattikul, Amorn Rodklai","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.260407","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.260407","url":null,"abstract":"The implementation of national health insurance in Indonesia in 2014 as an effort to provide universal health care was known asthe BPJS program. It was named after the responsible agency: Badan Penyelenggara Jaminan Sosial (Health Social Security Administrator). In its early years of implementation, it was indicated that it was not financially optimal because it made a significant financial loss. Therefore, this research was conducted to examine the efficiency level of several hospitals in Jakarta from a technical and cost perspective. The 2018 data was obtained from the Ministry of Health and BPJS. The survey covered 36 hospitals from various regions in Jakarta and was analyzed using Data Envelopment Analysis and Stochastic Frontier Analysis. DEA Solver LV 8 and Frontier 4.1 were the primary tools in this study. There were two significant results of this study. First, most hospitals in Jakarta were efficient in terms of technical efficiency score of DEA (0.73) and SFA (0.52), whereas cost efficiency was mediocre with a score of DEA (0.56) and SFA (0.50). Second, three indices (regional technical efficiency score, regional cost efficiency score, and ownership cost efficiency score) showed similar patterns for DEA and SFA efficiency scores except for the ownership technical efficiency index. It is recommended that the government should immediately improve the centralized national database for hospitals and decide strategic policy to arrange for cooperation between hospitals primarily by sharing their data on hospitals’ load and staff availability.","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"57 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-07-17","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"139358672","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
A Comparison on Factor of Health Care Accessibility in Palliative Patient during before and after Covid 19 Outbreak in a Hospital Located in Northeast of Thailand 泰国东北部一家医院爆发 Covid 19 前后姑息治疗患者医疗服务可及性因素的比较
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-07-17 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.261036
N. Singweratham, Khomkrit Tiamklang, Kittiporn Nawsuwan, Pallop Siewchaisakul
{"title":"A Comparison on Factor of Health Care Accessibility in Palliative Patient during before and after Covid 19 Outbreak in a Hospital Located in Northeast of Thailand","authors":"N. Singweratham, Khomkrit Tiamklang, Kittiporn Nawsuwan, Pallop Siewchaisakul","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.261036","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.261036","url":null,"abstract":"This retrospective cohort study aimed to investigate and compare factors affecting access to health services before and after the outbreak of COVID 19 in all palliative care patients, Thabo Hospital, Nongkhai Province. The data were retrieved all palliative care patients from HosXP data based during 2017 to 2022. The outcome of this study was number of accessing to health services. The data were analyzed using descriptive statistics and multiple poisson regression analysis. Results found that the number of palliative care patient accessed to health service before COVID 19 outbreak was 3,076 times (Mean ± SD: 19.23 ± 13.40) and during COVID 19 outbreak was 1,374, (12.84 ± 8.67). It found that factors affecting access to health services before COVID 19 were males (aIRR = 0.86; 95%CI: 0.80, 0.93), those aged over 60 years-old (aIRR = 1.21; 95% CI: 1.12, 1.31) and those who had Charlson’s comorbidity index score > 3 points (aIRR = 1.57; 95%CI: 1.27, 1.95). During COVID-19 outbreak, it found that factors affecting access to health services were males (aIRR = 1.19; 95%CI: 1.08, 1.34), Hence, in order to have a sign for service provider of prioritizing service, there is a needed of periodizing severity of palliative care patents by age and Charlson’s comorbidity index score during normal and epidemic of emerging disease.","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"212 1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-07-17","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"139358774","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในเขตรับผิดชอบของศูนย์แพทย์ชุมชนคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง 社区医疗中心Kuru Heaven Pathanapan的结果。
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.258938
จิรวรรณ ไชยรัตน์, สุขฤดี ฉิมนวล, สมศรี พันธวงศาโรจน์, นวรัตน์ เรืองหิรัญ, รัชนีกร ฉิมรักษ์, พรทิพย์ หนูอินทร์, ปัทมา รักเกื้อ, เสาวนีย์ โปษกะบุตร
{"title":"ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ในเขตรับผิดชอบของศูนย์แพทย์ชุมชนคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง","authors":"จิรวรรณ ไชยรัตน์, สุขฤดี ฉิมนวล, สมศรี พันธวงศาโรจน์, นวรัตน์ เรืองหิรัญ, รัชนีกร ฉิมรักษ์, พรทิพย์ หนูอินทร์, ปัทมา รักเกื้อ, เสาวนีย์ โปษกะบุตร","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.258938","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.258938","url":null,"abstract":"การวิจัยกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง รูปแบบการวิจัยเป็นแบบหนึ่งกลุ่มวัดผลก่อนและหลัง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 30 คน ที่เข้ารับการรักษาที่ศูนย์แพทย์ชุมชนคูหาสวรรค์ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพระยะเวลา 6 สัปดาห์ๆ ละ 1 ครั้ง และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ แบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ Pair t-test และ Wilcoxon signed ranks test ผลการวิจัย พบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยความรู้และคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีค่าความดันโลหิตตัวบนและตัวล่างลดลงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เห็นได้ว่าโปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพทำให้ผู้ป่วยมีความรู้และพฤติกรรมสุขภาพดีขึ้น และมีค่าความดันโลหิตลดลง ดังนั้นหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิควรใช้โปรแกรมดังกล่าวเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงอื่นต่อไป","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"34 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"126069884","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการระบาดระลอกสาม ปี 2564 在2006年的第三次疫情中,南部三个省的居民感染了COVID -19,这一因素与自我保护有关。
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i3.259173
อัญชลี พงศ์เกษตร, กฤษเนตร เกษสระ, นิรัชรา ลิลละฮ์กุล, ซูฮัยลา สะมะแอ, นวลพรรณ ทองคุปต์, โรสนานี เหมตระกูลวงศ์, นาซีเราะ ยือโร๊ะ, สลิล กาจกำแหง, อรุโณทัย เดอรามันห์
{"title":"ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการระบาดระลอกสาม ปี 2564","authors":"อัญชลี พงศ์เกษตร, กฤษเนตร เกษสระ, นิรัชรา ลิลละฮ์กุล, ซูฮัยลา สะมะแอ, นวลพรรณ ทองคุปต์, โรสนานี เหมตระกูลวงศ์, นาซีเราะ ยือโร๊ะ, สลิล กาจกำแหง, อรุโณทัย เดอรามันห์","doi":"10.55164/hsjt.v5i3.259173","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i3.259173","url":null,"abstract":"การวิจัยภาคตัดขวางเวลาหนึ่งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการป้องกันตนเอง และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการระบาดระลอกสาม ปี 2564 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณแบบเป็นขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ มีระดับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระดับดี ร้อยละ 93.25 ความรู้เกี่ยวกับการติดเชื้อ อาการ และการป้องกัน การรับรู้ความรุนแรงในการติดเชื้อ อาการ การรับรู้โอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ อาการ ความคาดหวังในผลลัพธ์ของการป้องกันการติดเชื้อ และความคาดหวังในความสามารถของตนเองต่อการป้องกันติดเชื้อโควิด-19 มีความสัมพันธ์กับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001) แม้ว่าเชื้อโควิด-19 จะมีการกลายพันธุ์ แต่หลักการการป้องกันโรคยังคงเดิม การมีทัศนคติที่ดีในการป้องกันโรค รับรู้ความรุนแรง ความคาดหวังในผลลัพธ์ และความคาดหวังในความสามารถของตนเองต่อการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงจูงใจที่ผลักดันให้ประชาชนมีการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"24 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"124739103","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ผลการรักษาผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันจากการติดเชื้อ COVID-19 肺炎球菌-19急性肾衰竭患者的治疗结果
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.259301
ณรงค์ชัย สังซา
{"title":"ผลการรักษาผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันจากการติดเชื้อ COVID-19","authors":"ณรงค์ชัย สังซา","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.259301","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.259301","url":null,"abstract":"ภาวะไตวายเฉียบพลันจากการติดเชื้อ COVID-19 หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็มีโอกาสที่ไตจะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการรักษาผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI) จากการติดเชื้อ COVID-19 และปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิต รูปแบบการศึกษาเป็น Retrospective cohort study เก็บข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่มีภาวะ AKI ระหว่างเดือนมกราคม 2563 ถึงพฤษภาคม 2565 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ Multiple logistic regression ผลการศึกษาพบผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 และที่มีภาวะ AKI จำนวน 96 ราย ทั้งหมดได้รับการรักษาด้วย Antiviral therapy ผู้ป่วยรักษาหาย 60 ราย เสียชีวิต 36 ราย เป็นปอดบวมขั้นรุนแรงและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 42 ราย ต้องการ Renal replacement therapy 11 ราย และมีการดำเนินโรคไปเป็น CKD ทั้งหมด 5 ราย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิต คือ เพศหญิง (AOR = 2.02; 95%CI: 1.74-5.45) อายุ 61-70 ปี (AOR = 3.78; 95%CI: 1.83-7.20) อายุ >70 ปี (AOR = 2.17; 95%CI: 1.66-7.10) AKI stage 2 (AOR = 2.52; 95%CI: 1.12-6.32) AKI stage3 (AOR = 2.96; 95%CI: 1.37-9.62) ICU admission (AOR = 2.98; 95%CI: 1.79-11.25) Mechanical ventilators used (AOR = 3.71; 95%CI: 1.33-10.34) และ Septic shock (AOR = 2.24; 95%CI: 1.67-7.44) โดยสรุปผู้ป่วยรักษาหาย 60 ราย และมีการดำเนินโรคไปเป็น CKD ทั้งหมด 5 ราย ปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่มีภาวะ AKI คือมีภาวะ AKI เพศ อายุ ภาวะ Septic shock ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงที่รักษาตัวในหอผู้ป่วยวิกฤตและการใช้เครื่องช่วยหายใจ","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"11 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"128467496","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ผลของการปรับปรุงกระบวนการบริการนมแก่ทารกป่วย"นมตรงเวลา" ในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิด 改善新生儿重症监护病房“准时牛奶”服务流程的效果
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.259824
ชยาพร วงศ์ใหญ่, รัตนฤทัย ณ สุวรรณ, จิตรลดา เพ็งลาย, วาสนา ฬาวิน
{"title":"ผลของการปรับปรุงกระบวนการบริการนมแก่ทารกป่วย\"นมตรงเวลา\" ในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิด","authors":"ชยาพร วงศ์ใหญ่, รัตนฤทัย ณ สุวรรณ, จิตรลดา เพ็งลาย, วาสนา ฬาวิน","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.259824","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.259824","url":null,"abstract":"การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบบริการนมแก่ทารกป่วยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยลดระยะเวลากระบวนการและขั้นตอนระบบบริการนมแก่ทารกป่วย และเพิ่มบุคลากรมีความพึงพอใจในการใช้โปรแกรมนม กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ แผนการรักษานมของแพทย์ 93 แผน และ บุคลากรในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิดประกอบด้วย พยาบาล 24 ราย และ ผู้ช่วยพยาบาล 9 ราย รวมเป็นจำนวน 33 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ สถิติ Pair T-Test ผลการวิจัย พบว่า การปรับปรุงกระบวนการบริการนมแก่ทารกป่วย\"นมตรงเวลา\"ในหอผู้ป่วยวิกฤตทารกแรกเกิดตามวงจรคุณภาพสามารถลดระยะเวลาในกระบวนการและขั้นตอนระบบบริการนมแก่ทารกป่วยได้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001) และบุคลากรมีความพึงพอใจในการใช้โปรแกรมนมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001) จากผลวิจัยนี้พบว่าการปรับปรุงกระบวนการตามวงจรคุณภาพสามารถลดเวลาการรอคอยได้ดี แต่ควรทำควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบสารสนเทศโรงพยาบาล โดยเปิดระบบเชื่อมต่อกับระบบของทางโภชนาการ เพื่อให้การปรับเปลี่ยนเวลาให้เร็วขึ้นทำให้ทารกได้รับบริการนมตรงเวลา ถูกต้องตามแผนการรักษาของแพทย์ และลดการคัดลอกแผนนั้น เพื่อป้องกันการเกิดควาผิดพลาดต่อไป","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"20 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"124553073","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
相关产品
×
本文献相关产品
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信