Health Science Journal of Thailand最新文献

筛选
英文 中文
Prevalence and Antimicrobial Resistance of Salmonella Isolated from Blood Cockles in Surat Thani Province, Thailand 泰国素叻他尼省血蛤中沙门氏菌的流行及耐药性分析
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.258935
J. Mala, Pakavadee Rakthong
{"title":"Prevalence and Antimicrobial Resistance of Salmonella Isolated from Blood Cockles in Surat Thani Province, Thailand","authors":"J. Mala, Pakavadee Rakthong","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.258935","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.258935","url":null,"abstract":"This study was undertaken to investigate the prevalence and antimicrobial resistance of Salmonella in natural blood cockles from Surat Thani province. The research samples were collected from different areas over two seasons, dry and wet, in 2021. VIDAS® and VITEK® 2 compact systems were used for automated analysis. The results revealed that the prevalence of Salmonella was only found in the dry season, April (20%, 4 out of 20 samples) while all areas were not found Salmonella in the wet season. Antimicrobial resistance was evaluated in Salmonella strain isolated (n=8) and found that this pathogen was most frequently observed for amikacin (6/8, 75%), cefalotin (8/8, 100%), doxycycline (8/8, 100%), gentamicin (8/8, 100%) and tetracycline (8/8, 100%) with showed the minimum inhibitory concentration (MICs) were ≥2, ≥2, ≥16, ≥1 and ≥16 µg/ml, respectively. The six isolates demonstrated multiple drug resistance (MDR). This study provided useful information for the assessment of the possible risk posed to consumers, which has a significant public health impact in Thailand.","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"77 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"131602504","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าคะแนน และระดับความเสี่ยงจำแนกจากคะแนน ABCD2 กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดชั่วคราว: การศึกษาติดตามระยะยาว 12 เดือน 评分和风险水平之间的关系由ABCD2评分和中风患者的暂时中风:一项为期12个月的跟踪研究。
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.257747
สินีนาฏ นาคศรี, อรเพ็ญ สุขะวัลลิ, จอม สุวรรณโณ, จอม สุวรรณโณ, ชิดชนก มยูรภักดิ์
{"title":"ความสัมพันธ์ระหว่างค่าคะแนน และระดับความเสี่ยงจำแนกจากคะแนน ABCD2 กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดชั่วคราว: การศึกษาติดตามระยะยาว 12 เดือน","authors":"สินีนาฏ นาคศรี, อรเพ็ญ สุขะวัลลิ, จอม สุวรรณโณ, จอม สุวรรณโณ, ชิดชนก มยูรภักดิ์","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.257747","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.257747","url":null,"abstract":"ผู้วิจัยศึกษาความเสี่ยง อุบัติการณ์และความชุกของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในช่วง 12 เดือนหลังเกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าคะแนนความเสี่ยง และระดับความเสี่ยงซึ่งจำแนกด้วย ABCD2 ที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ใช้ข้อมูลจากแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดชั่วคราวทั้งหมดที่เข้ารักษาในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลศูนย์ขนาด 750 เตียง ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 - กันยายน พ.ศ. 2558 จำนวน 157 ราย วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติบรรยาย จำแนกระดับความเสี่ยงด้วย ABCD2 พบว่า เกือบครึ่งของผู้ป่วยมีความเสี่ยงระดับต่ำ (47.77%), สองในห้ามีความเสี่ยงระดับปานกลาง (43.95%), 8.28% มีความเสี่ยงระดับสูง และมากกว่าครึ่งของผู้ป่วยมีความเสี่ยงระดับปานกลางถึงสูง อุบัติการณ์ระยะสั้นในช่วง 2, 4 สัปดาห์ และ 3 เดือนแรกเท่ากับร้อยละ 0, 3.18, และ 3.18 ตามลำดับ อุบัติการณ์ระยะยาวใน 12 เดือน พบร้อยละ 6.40 อัตราความชุกโดยรวมที่ 3 และ 12 เดือน ร้อยละ 6.37 และ 10.83 ตามลำดับ ผู้ป่วยที่มีคะแนน ABCD2 ยิ่งสูงและระดับความเสี่ยงยิ่งเพิ่มยิ่งมีอุบัติการณ์การเกิดโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นอย่างมีค่านัยสำคัญทางสถิติในระยะสั้น ผู้วิจัยมีความเห็นเชิงคลินิกว่า ควรนำระบบคะแนน ABCD2 มาใช้เพื่อจำแนก ติดตามระดับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"212 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"115772913","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ตัวชี้วัดมาตรฐานของการติดตามและประเมินผลของวัคซีนโควิด-19 ระยะหลังมีการให้ใช้วัคซีนแล้วในบริบทของประเทศไทย 在泰国的背景下,COVID -19疫苗最近使用的标准跟踪和评估指标。
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-28 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.258524
นภดล พิมสาร, กานต์ชนก ศิริสอน, วรรณฤดี อิสรานุวัฒน์ชัย
{"title":"ตัวชี้วัดมาตรฐานของการติดตามและประเมินผลของวัคซีนโควิด-19 ระยะหลังมีการให้ใช้วัคซีนแล้วในบริบทของประเทศไทย","authors":"นภดล พิมสาร, กานต์ชนก ศิริสอน, วรรณฤดี อิสรานุวัฒน์ชัย","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.258524","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.258524","url":null,"abstract":"การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากรอบการติดตามและประเมินผล ตลอดจนตัวชี้วัดมาตรฐานในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายวัคซีนโควิด-19 ระยะหลังมีการให้ใช้วัคซีนแล้วในบริบทของประเทศไทย โดยใช้การทบทวนวรรณกรรมแบบกำหนดขอบเขต (Scoping review) การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม (Pre-meeting survey) การประชุมผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder consultation meeting) ผลการศึกษาวิจัย พบว่า กรอบในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายวัคซีนโควิด-19 ระยะหลังมีการให้ใช้วัคซีนแล้วในบริบทของประเทศไทย ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ คือ 1) ความครอบคลุมของวัคซีน 2) การดำเนินงาน 3) การปฏิบัติการทางคลินิก และองค์ประกอบด้านอื่น ๆ ซึ่งมีรายละเอียดของตัวชี้วัดมาตรฐานในแต่ละองค์ประกอบรวมทั้งสิ้น 9 หัวข้อย่อย รวมทั้งสิ้น 34 ตัวชี้วัดมาตรฐาน ทั้งนี้ หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถบูรณาการการติดตามและประเมินผล โดยปรับปรุงพัฒนาจากตัวชี้วัดมาตรฐานเหล่านี้ เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงาน และระดับของการประเมินได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการติดตามและประเมินผลของโรคอื่น ๆ ได้ในอนาคต","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"1 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-28","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"129422973","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ต้นทุนอรรถประโยชน์การตรวจคัดกรองวัณโรคปอดด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่ 成本效益肺结核筛查与移动x光车
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-02 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.258204
ทวีศักดิ์ สมควร, กิตติ เหลาสุภาพ
{"title":"ต้นทุนอรรถประโยชน์การตรวจคัดกรองวัณโรคปอดด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่","authors":"ทวีศักดิ์ สมควร, กิตติ เหลาสุภาพ","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.258204","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.258204","url":null,"abstract":"ปัจจุบันต้นทุนการตรวจคัดกรองวัณโรคสูงขึ้นจึงต้องหาวิธีการจัดการทรัพยากรที่มีจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินและเปรียบเทียบต้นทุนอรรถประโยชน์ของการตรวจคัดกรองวัณโรคปอดด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่และการตรวจเอกซเรย์แบบเดิม กลุ่มตัวอย่างจำนวน 330 คนจาก 22 อำเภอในจังหวัดศรีสะเกษ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2565 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละและสถิติ Independent t-test ผลการศึกษาพบว่าเป็นเพศหญิงร้อยละ 53.3 กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจคัดกรองมากที่สุด ร้อยละ 45.2 ต้นทุนทางตรงทางการแพทย์การตรวจคัดกรองวัณโรคปอดด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่มีต้นทุนต่ำกว่าแบบเดิม 135.57 บาท (p-value <0.001) ต้นทุนทางตรงที่ไม่ใช่ต้นทุนทางการแพทย์ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายของญาติด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่มีต้นทุนต่ำกว่าแบบเดิมเฉลี่ย 6.48 (p-value = 0.557), 16.00 (p-value = 0.257), 55.47  (p-value = 0.111) ตามลำดับ อรรถประโยชน์ทางอ้อมด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าแบบเดิม 1.01 คะแนน (p-value = 0.002) ความพึงพอใจด้วยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลเคลื่อนที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าแบบเดิม 2.56 (p-value <0.001) ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องควรกำหนดนโยบายสนับสนุนให้มีการใช้วิธีการตรวจคัดกรองวัณโรคปอดที่เหมาะสมกับบริบทของจังหวัด","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"1 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-02","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"122640220","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
The Guideline Development for COVID-19 Control and Prevention among Burmese Migrant Workers Community at the Thai-Myanmar Border 泰缅边境缅甸外来务工人员社区新冠肺炎防控指南编制
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-02 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.259454
Narongsak Noosorn, Rung Wongwat
{"title":"The Guideline Development for COVID-19 Control and Prevention among Burmese Migrant Workers Community at the Thai-Myanmar Border","authors":"Narongsak Noosorn, Rung Wongwat","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.259454","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.259454","url":null,"abstract":"การศึกษาแบบผสมผสานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศักยภาพในการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 และเพื่อสร้างแนวทางการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 ในชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าตามแนวชายแดนไทย-พม่า แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาเชิงปริมาณกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 300 คน โดยการสุ่มอย่างเป็นระบบและเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ระยะที่ 2 ศึกษาเชิงคุณภาพกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน โดยการสุ่มแบบเจาะจง และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการทำเวทีประชาคม วิเคราะห์ข้อมูลด้วย Binary logistic regression และ Content analysis ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีศักยภาพในการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 59.33 ปัจจัยที่มีผลต่อศักยภาพในการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 ได้แก่ การเรียนหนังสือ การมีงานทำ ระยะเวลาอยู่ในชุมชน สถานที่พักอาศัย การป่วยด้วยโรคโควิด19 การตรวจหาเชื้อโควิด 19 และการรับรู้ความรุนแรงโรค ส่วนแนวทางในการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 ในชุมชน ได้แก่ 1) สร้างอาสาสมัครแรงงานต่างด้าวในการควบคุมป้องกันโรค 2) ส่งเสริมและสนับสนุนแรงงานต่างด้าวให้เข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันโรค และฉีดวัคซีน 3) ตรวจคัดกรองโรค 4) พัฒนาศักยภาพการควบคุมป้องกันโรคในกลุ่มที่มีศักยภาพต่ำ 5) สร้างการรับรู้ความรุนแรงของโรค และ 6) จัดสถานที่กักตัวผู้ที่ตรวจพบการติดเชื้อ ข้อเสนอแนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำแนวทางการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 ทั้ง 6 ขั้นตอนไปประยุกต์ใช้ในชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าว","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"82 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-02","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"126062905","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 1
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 抑郁症患者自杀行为的相关因素。
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2023-02-02 DOI: 10.55164/hsjt.v5i2.258992
อรรถยา ทองธวัช
{"title":"ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า","authors":"อรรถยา ทองธวัช","doi":"10.55164/hsjt.v5i2.258992","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i2.258992","url":null,"abstract":"โรคซึมเศร้าเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย การศึกษาเชิงวิเคราะห์ในรูปแบบ Case – control study ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ได้รับการวินิจฉัยโดยจิตแพทย์ (ICD-10: F32-F33) และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทลุง ระหว่างเดือนตุลาคม 2560 – กันยายน 2563 จำแนกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ศึกษาและกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ศึกษา คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (ICD-10: X60–X84) และอยู่ในภาวะเป็นโรคซึมเศร้าจำนวน 37 ราย กลุ่มควบคุม คือ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ไม่เคยมีประวัติพยายามฆ่าตัวตายในรอบการกำเริบของโรคซึมเศร้าครั้งล่าสุดจำนวน 144 ราย อัตราส่วนเท่ากับ 1: 4 เก็บรวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติถดถอยโลจิสติกพหุตัวแปร ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยด้านระยะเวลาการรักษาโรคซึมเศร้าที่ ≥5 ปี (AOR = 5.16, 95%CI: 1.74-15.29) การมีประวัติเคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน (AOR = 17.15, 95%CI: 5.96-49.29) และการมีโรคร่วมทางจิตเวช (AOR = 5.28, 95%CI: 1.76-15.85) มีความสัมพันธ์ต่อการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากผลการศึกษา ควรมีการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีปัจจัยดังกล่าว เพื่อลดโอกาสการเกิดพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย ต่อไป","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"1 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2023-02-02","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"117191249","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางเซลล์วิทยากลุ่มเบเทสดา 3 โรงพยาบาลพัทลุง 在贝塞斯达3医院Pateppa组患者中,甲状腺癌的发病率和相关因素被诊断出来。
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2022-12-05 DOI: 10.55164/hsjt.v5i1.258799
บูชิต ธีรศานติพงศ์
{"title":"ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางเซลล์วิทยากลุ่มเบเทสดา 3 โรงพยาบาลพัทลุง","authors":"บูชิต ธีรศานติพงศ์","doi":"10.55164/hsjt.v5i1.258799","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i1.258799","url":null,"abstract":"การวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบเก็บข้อมูลย้อนหลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางเซลล์วิทยากลุ่ม Bethesda III โรงพยาบาลพัทลุง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่เจาะดูดก้อนต่อมไทรอยด์และส่งตรวจทางเซลล์วิทยา และได้รับการวินิจฉัยให้อยู่ในกลุ่ม Bethesda III ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2563 วิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้สถิติ univariate analysis และ multiple logistic regression ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยกลุ่ม Bethesda III จากจำนวนทั้งหมด 68 คน เข้ารับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ 27 คน คิดเป็น ร้อยละ 39.71 ผู้ป่วยมีผลชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ 13 คน คิดเป็นร้อยละ 48.15 มะเร็งต่อมไทรอยด์ที่พบคือ Papillary thyroid carcinoma ร้อยละ 92.31 และ Follicular carcinoma ร้อยละ 7.69 ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ คือ อายุ < 40 ปี (OR=11.50, 95%CI=1.10-120.60, P=0.042) ส่วนตำแหน่งและขนาดของก้อนต่อมไทรอยด์ พบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ความชุกของการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์มีมากถึงร้อยละ 48.15 ดังนั้นในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 40 ปี และมีก้อนที่ต่อมไทรอยด์ต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมทันที สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"22 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-12-05","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"115410431","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
รูปแบบการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเขต 10 อุบลราชธานี 本地医疗保险基金运作模式
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2022-12-05 DOI: 10.55164/hsjt.v5i1.258306
สมบูรณ์ เพ็ญพิมพ์, อารี บุตรสอน
{"title":"รูปแบบการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเขต 10 อุบลราชธานี","authors":"สมบูรณ์ เพ็ญพิมพ์, อารี บุตรสอน","doi":"10.55164/hsjt.v5i1.258306","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i1.258306","url":null,"abstract":"การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเขต 10 อุบลราชธานี กลุ่มตัวอย่างคือผู้รับผิดชอบงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นระดับละ 2 ท้องถิ่นต่อจังหวัด ท้องถิ่นละ 2 คน รวม 30 คน ผู้รับผิดชอบงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นระดับจังหวัด ๆ ละ 2 คน รวม 10 คน พี่เลี้ยงจังหวัดละ 2 คน รวม 10 คน ผู้รับผิดชอบงานกองทุนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2 คน สาธารณสุขอำเภอ 5 คน ท้องถิ่นอำเภอ 5 คน รวม 52 คน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ คณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเขต 10 อุบลราชธานี จำนวน 15 กองทุน รวม 270 คน ดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม 2564 ถึง ธันวาคม 2564 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการรวบรวม จัดหมวดหมู่ วิเคราะห์เนื้อหา และเปรียบเทียบผลต่างค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนและหลังใช้สถิติ paired t-test ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเขต 10 อุบลราชธานี คือ DCFKND Model ประกอบด้วย 1) Data Center: ศูนย์ข้อมูลกองทุน 2) Coacher: พี่เลี้ยง 3) Follow up: การติดตามเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง 4) Knowledge: ความรู้ที่ถูกต้องในการดำเนินงานกองทุน 5) Networking: ภาคีเครือข่ายในการดำเนินงาน 6) Development Evaluation: DE: หลังการพัฒนาศักยภาพของทีมพี่เลี้ยงกองทุน กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ เจตคติ การมีส่วนร่วม และการทำงานเป็นทีมสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 รูปแบบที่พัฒนาขึ้นเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเขต 10 อุบลราชธานี ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"44 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-12-05","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"121552436","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
Ya Chud and Polypharmacy Situation of Muang District in Suphanburi Province 素番武里省芒区雅茶和综合药房情况
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2022-12-05 DOI: 10.55164/hsjt.v5i1.258017
Kunlanat Makboon
{"title":"Ya Chud and Polypharmacy Situation of Muang District in Suphanburi Province","authors":"Kunlanat Makboon","doi":"10.55164/hsjt.v5i1.258017","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i1.258017","url":null,"abstract":"Ya Chud is a type of self-medication that is used to treat various ailments such as pain and common cold. It’s also considered a form of polypharmacy that is particularly affiliated with drug-related problems (DRPs). This cross-sectional study aimed to investigate the prevalence of Ya Chud use and polypharmacy situation, and assess the factors that were associated with this situation. In total, 353 people participated in the study. All participants lived in the Muang district, Suphanburi province. Data collection was performed using an interview questionnaire. We calculated descriptive statistics for general demographic information and the prevalence of medication use. Moreover, we utilized logistic regression to evaluate the factors related to polypharmacy. The majority of the participants were female, and about half of them were more than 60 years old. The prevalence of Ya Chud usage was about 37%. The symptoms or diseases of Ya Chud use were pain and the common cold. The prevalence of polypharmacy (using more than 5 medications) among Ya Chud users was 58.46%, while the prevalence was 32.58% among all participants. Having cardiovascular disease was associated with polypharmacy in the age-adjusted model (OR = 3.05, 95% CI = 1.28-7.59). Ya Chud use contributed to an increase in polypharmacy. To prevent and reduce this problem, health care practitioners should set up more vigorous programs on pharmacy health literacy to increase people’s awareness, particularly in those who have cardiovascular diseases. A surveillance system for polypharmacy and Ya Chud use would also help address this continuing problem in the community.","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"38 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-12-05","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"116987770","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนของประชาชน จังหวัดนครราชสีมา 影响Nakhon Ratchasima省家庭垃圾处理行为的因素
Health Science Journal of Thailand Pub Date : 2022-12-05 DOI: 10.55164/hsjt.v5i1.257538
ทิวากรณ์ ราชูธร, เพราพิลาศ ศรีสุวรรณ, นรา ระวาดชัย, พัชรี ศรีกุตา, Sim Samphors
{"title":"ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนของประชาชน จังหวัดนครราชสีมา","authors":"ทิวากรณ์ ราชูธร, เพราพิลาศ ศรีสุวรรณ, นรา ระวาดชัย, พัชรี ศรีกุตา, Sim Samphors","doi":"10.55164/hsjt.v5i1.257538","DOIUrl":"https://doi.org/10.55164/hsjt.v5i1.257538","url":null,"abstract":"การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวางครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณขยะพื้นที่ ตำบลตะคุ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ประชากรที่ศึกษา คือ ตัวแทนครัวเรือนในพื้นที่ตำบลตะคุ 21 หมู่บ้าน จำนวน 1,946 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและเครื่องระบุตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติถดทอยโลจิสติกพหุตัวแปร ผลการวิจัยพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชายร้อยละ 70.86 อายุมากกว่า 60 ปี ร้อยละ 41.52 การศึกษาระดับประถมศึกษามากที่สุด ร้อยละ 63.00 และอาชีพเกษตรกรรม มีปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นต่อครัวเรือนเฉลี่ย 1-2 กิโลกรัม/วัน ส่วนใหญ่มีความรู้การจัดการขยะมูลฝอยระดับดีร้อยละ 75.74 สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมพบว่าครัวเรือนที่ได้รับคู่มือแนวทางการจัดการขยะมูลฝอยมีโอกาสที่จะจัดการขยะถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลมากกว่าประชาชนที่ไม่ได้ 1.48 เท่า (AOR = 1.48; 95%CI: 1.14 to 1.56) ครัวเรือนที่มาร่วมกิจกรรมการจัดการขยะมีผลทำให้จัดการขยะถูกต้องมากว่าคนที่ไม่ได้มาร่วมถึง 1.62 เท่า (AOR = 1.62; 95%CI: 1.62 to 2.09) และองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะมูลฝอยครัวเรือนมีผลต่อการจัดการขยะมูลฝอยที่ถูกต้อง 1.02 เท่า (AOR = 1.02; 95%CI: 1.69 to 4.97) ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง","PeriodicalId":157908,"journal":{"name":"Health Science Journal of Thailand","volume":"70 1","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0,"publicationDate":"2022-12-05","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":null,"resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":"133759790","PeriodicalName":null,"FirstCategoryId":null,"ListUrlMain":null,"RegionNum":0,"RegionCategory":"","ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":"","EPubDate":null,"PubModel":null,"JCR":null,"JCRName":null,"Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
相关产品
×
本文献相关产品
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信