ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

มนต์มนัส บุญชู, กมลทิพย์ ศรีหาเศษ, ดารุณี ทิพยกุลไพโรจน์
{"title":"ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3","authors":"มนต์มนัส บุญชู, กมลทิพย์ ศรีหาเศษ, ดารุณี ทิพยกุลไพโรจน์","doi":"10.60027/iarj.2024.274679","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: นิสัยในการเรียนเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกของผู้เรียน เพื่อตอบสนองทางการเรียนซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ ปฏิบัติ หรือฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ดังนั้นเพื่อให้ได้สารสนเทศที่นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีนิสัยในการเรียนที่ดี จึงนำมาสู่การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 2) สร้างสมการทำนายนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สังกัดฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพมหานคร จำนวน 264 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีค่าความเที่ยง เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุ\nผลการวิจัย: (1) นิสัยในการเรียน กับเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน ความวิตกกังวลในการเรียน บทบาทของผู้ปกครอง บทบาทของครู และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.58 โดยชุดตัวแปรอิสระสามารถอธิบายความแปรปรวนในตัวแปรตาม (Adjusted R2) ได้ร้อยละ 31.80 และ (2) ตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มากที่สุด คือ เจตคติในการเรียน (b = 0.47) รองลงมา คือ บทบาทของผู้ปกครอง (b = 0.15) และ แรงจูงใจในการเรียน (b = 0.14) ตามลำดับ โดยสมการทำนายปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการคัดตัวแปรเข้าสู่สมการแบบ Enter พบว่า สัมประสิทธิ์ถดถอย (b) ของเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน และบทบาทของผู้ปกครอง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สมการทำนายในรูปของสมการคะแนนดิบ คือ\nนิสัยในการเรียน = 0.50 + 0.52เจตคติในการเรียน* + 0.07แรงจูงใจในการเรียน*+ 0.13บทบาทของผู้ปกครอง*\nสรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่านิสัยการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจากทัศนคติในการเรียน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และแรงจูงใจในการเรียน โดยทัศนคติในการเรียนแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุด ปัจจัยเหล่านี้อธิบายความแปรปรวนในนิสัยการเรียนรู้รวมกันร้อยละ 31.80 โดยเน้นถึงความสำคัญของทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนและการสนับสนุนจากผู้ปกครองในการส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"55 16","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-04-07","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":"{\"title\":\"ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3\",\"authors\":\"มนต์มนัส บุญชู, กมลทิพย์ ศรีหาเศษ, ดารุณี ทิพยกุลไพโรจน์\",\"doi\":\"10.60027/iarj.2024.274679\",\"DOIUrl\":null,\"url\":null,\"abstract\":\"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: นิสัยในการเรียนเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกของผู้เรียน เพื่อตอบสนองทางการเรียนซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ ปฏิบัติ หรือฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ดังนั้นเพื่อให้ได้สารสนเทศที่นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีนิสัยในการเรียนที่ดี จึงนำมาสู่การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 2) สร้างสมการทำนายนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3\\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สังกัดฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพมหานคร จำนวน 264 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีค่าความเที่ยง เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุ\\nผลการวิจัย: (1) นิสัยในการเรียน กับเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน ความวิตกกังวลในการเรียน บทบาทของผู้ปกครอง บทบาทของครู และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.58 โดยชุดตัวแปรอิสระสามารถอธิบายความแปรปรวนในตัวแปรตาม (Adjusted R2) ได้ร้อยละ 31.80 และ (2) ตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มากที่สุด คือ เจตคติในการเรียน (b = 0.47) รองลงมา คือ บทบาทของผู้ปกครอง (b = 0.15) และ แรงจูงใจในการเรียน (b = 0.14) ตามลำดับ โดยสมการทำนายปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการคัดตัวแปรเข้าสู่สมการแบบ Enter พบว่า สัมประสิทธิ์ถดถอย (b) ของเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน และบทบาทของผู้ปกครอง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สมการทำนายในรูปของสมการคะแนนดิบ คือ\\nนิสัยในการเรียน = 0.50 + 0.52เจตคติในการเรียน* + 0.07แรงจูงใจในการเรียน*+ 0.13บทบาทของผู้ปกครอง*\\nสรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่านิสัยการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจากทัศนคติในการเรียน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และแรงจูงใจในการเรียน โดยทัศนคติในการเรียนแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุด ปัจจัยเหล่านี้อธิบายความแปรปรวนในนิสัยการเรียนรู้รวมกันร้อยละ 31.80 โดยเน้นถึงความสำคัญของทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนและการสนับสนุนจากผู้ปกครองในการส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ\",\"PeriodicalId\":505621,\"journal\":{\"name\":\"Interdisciplinary Academic and Research Journal\",\"volume\":\"55 16\",\"pages\":\"\"},\"PeriodicalIF\":0.0000,\"publicationDate\":\"2024-04-07\",\"publicationTypes\":\"Journal Article\",\"fieldsOfStudy\":null,\"isOpenAccess\":false,\"openAccessPdf\":\"\",\"citationCount\":\"0\",\"resultStr\":null,\"platform\":\"Semanticscholar\",\"paperid\":null,\"PeriodicalName\":\"Interdisciplinary Academic and Research Journal\",\"FirstCategoryId\":\"1085\",\"ListUrlMain\":\"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.274679\",\"RegionNum\":0,\"RegionCategory\":null,\"ArticlePicture\":[],\"TitleCN\":null,\"AbstractTextCN\":null,\"PMCID\":null,\"EPubDate\":\"\",\"PubModel\":\"\",\"JCR\":\"\",\"JCRName\":\"\",\"Score\":null,\"Total\":0}","platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.274679","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0

摘要

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์:นิสัยในการเรียนเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกของผู้เรียน เพื่อตอบสนองทางการเรียนซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ ปฏิบัติ หรือฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใจึงนำมาสู่ารวจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาปัจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมมศึกษาปีที่3 และ 2) สร้างสมการทำนายนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3ระเบียบวิธีการวิจัย:มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาีปที่ 3 สังกัด่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑกรุงเทพมหานคร จำนวน 264 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแ่งกลุ่มเครืองมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามปัจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีค่าคความเที่ยง เท่าับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุผลการวิจัย:(1) นิสัยในการเรียน กับเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน ความวิตกกังวลในการเรียน บทบาทของผู้ปกครอง บทบาทของครู และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.58 โดยชุดตัวแปรอิสระสามารถอธิบายความแปรปรวนในตัวแปรตาม (Adjusted R2) ได้ร้อยละ 31.80 และ (2) ตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชัน้มัธยมศึกษาปีที่ 3 มากที่สดุ ืคอ เจตคติในการเรียน (b = 0.47) รองลงมา คือ บทบาทของผู้ปกครอง (b = 0.15) และ แรงจูงใจในการเรียน (b = 0.14)ตาลมำดับ โดยสมการทำนายปัจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 3 โดยการคัดตัวแปรเข้าสู่สมการแบ输入 พบว่า สัมประสิทธิ์ถดถอย (b) ของเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน และบทบาทของผู้ปกครอง มีันยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สมการทำนายในรูปของสมการคะแนนดิบ คือนิสัยในการเรียน = 0.50 + 0.52เจตคติในการเรียน* + 0.07แรงจูงใจในการเรียน*+ 0.13บทบาทของผู้ปกครอง*สรุปผล:ผลการวิจัยชี้ใหเห็นว่านิสัยการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึษกาปีที่ 3 ไดี้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจากทัศนคติในการเรียน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเE43↩จในการเรียน โดยทัศนคติในการเรียนแสดงให้เห็นความสัมพันธที่แน่นแฟ้นที่สุด ปัจจัยเหลานี้อธิบายความแปรปรวนในิสัยการเรียนรู้รวมกันร้อละ 31.80 โดยเน้นถึงความสำคัญของทัศนคติเชิงบวกตอ่การเรียนและารสนจากผู้ปกครองในารส่งเสรมพฤติกรรมการเรียนรู้ทียนประสิทธิภาพ
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: นิสัยในการเรียนเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกของผู้เรียน เพื่อตอบสนองทางการเรียนซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ ปฏิบัติ หรือฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ดังนั้นเพื่อให้ได้สารสนเทศที่นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีนิสัยในการเรียนที่ดี จึงนำมาสู่การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 2) สร้างสมการทำนายนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สังกัดฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพมหานคร จำนวน 264 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีค่าความเที่ยง เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุ ผลการวิจัย: (1) นิสัยในการเรียน กับเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน ความวิตกกังวลในการเรียน บทบาทของผู้ปกครอง บทบาทของครู และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (R) เท่ากับ 0.58 โดยชุดตัวแปรอิสระสามารถอธิบายความแปรปรวนในตัวแปรตาม (Adjusted R2) ได้ร้อยละ 31.80 และ (2) ตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มากที่สุด คือ เจตคติในการเรียน (b = 0.47) รองลงมา คือ บทบาทของผู้ปกครอง (b = 0.15) และ แรงจูงใจในการเรียน (b = 0.14) ตามลำดับ โดยสมการทำนายปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการคัดตัวแปรเข้าสู่สมการแบบ Enter พบว่า สัมประสิทธิ์ถดถอย (b) ของเจตคติในการเรียน แรงจูงใจในการเรียน และบทบาทของผู้ปกครอง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สมการทำนายในรูปของสมการคะแนนดิบ คือ นิสัยในการเรียน = 0.50 + 0.52เจตคติในการเรียน* + 0.07แรงจูงใจในการเรียน*+ 0.13บทบาทของผู้ปกครอง* สรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่านิสัยการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจากทัศนคติในการเรียน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และแรงจูงใจในการเรียน โดยทัศนคติในการเรียนแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุด ปัจจัยเหล่านี้อธิบายความแปรปรวนในนิสัยการเรียนรู้รวมกันร้อยละ 31.80 โดยเน้นถึงความสำคัญของทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียนและการสนับสนุนจากผู้ปกครองในการส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
求助全文
通过发布文献求助,成功后即可免费获取论文全文。 去求助
来源期刊
自引率
0.00%
发文量
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
copy
已复制链接
快去分享给好友吧!
我知道了
右上角分享
点击右上角分享
0
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信