{"title":"可持续发展的半开放大厅自然光开放:曼谷郊区建筑案例研究","authors":"ทรงพล อัตถากร","doi":"10.56261/jars.v18i1.240105","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"เมื่อแสงธรรมชาติภายในโถงกึ่งเปิดโล่งในอาคารเรียนที่ดี สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการเรียนรู้ การมีสุขภาวะที่ดี และการลดการใช้พลังงาน ดังนั้น การศึกษาถึงการเปิดรับแสงธรรมชาติที่มีคุณภาพจึงมีความสำคัญต่อแนวทางการออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืน การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ของรูปแบบทางกายภาพของอาคารที่มีผลต่อคุณภาพของแสงธรรมชาติภายในโถง ขั้นตอนวิจัยเริ่มจากการวิเคราะห์กรณีศึกษาจำนวน 4 อาคาร เพื่อศึกษารูปแบบทางกายภาพ ได้แก่ ลักษณะช่องเปิดรับแสงธรรมชาติ สัดส่วนช่องโถง และองค์ประกอบภายในของโถง และประเมินแสงธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในโถงกรณีศึกษาโดยการจำลองในคอมพิวเตอร์ ต่อจากนั้นศึกษาเปรียบเทียบผลคุณภาพของแสงสว่างภายในกรณีศึกษา เพื่อความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพกับผลจากการประเมินแสงธรรมชาติ และสุดท้ายเสนอแนะแนวทางในการเปิดรับแสงธรรมชาติในโถงกึ่งเปิดโล่ง โดยมีดัชนีชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่ ค่าความสว่าง ค่าความส่องสว่าง ค่าความสม่ำเสมอของแสง ค่าตัวประกอบแสงธรรมชาติ ค่า UDI ค่า sDA ค่า ASE และค่า DGP ผลการวิจัย พบว่า 1) ช่องแสงหลังคาส่งผลต่อแสงสว่างภายในโถงมากที่สุด 2) ช่องแสงผนังในระดับพื้นโถงช่วยส่งเสริมความสม่ำเสมอของแสงภายในโถง 3) สัดส่วนช่องโถงมีผลโดยตรงต่อปริมาณและการกระจายของแสงภายในโถง 4) พื้นที่อับแสงและระดับการสะท้อนของผิวอาคารภายในโถง ส่งผลต่อความสม่ำเสมอของแสงภายในโถง 5) แสงภายในโถงที่เกินกว่า 3000 ลักซ์ มีผลต่อระดับค่าแสงบาดตาสูง และ 6) การประเมินแสงในระนาบแนวตั้งช่วยให้ได้ผลที่สมจริง และการจำลองแสงในรอบปีช่วยให้เห็นผลกระทบจากแสงตลอดทั้งปี ดังนั้นการออกแบบการรับแสงธรรมชาติภายในโถงกึ่งเปิดโล่งจึงควรคำนึงถึง 1) การลดผลกระทบจากรังสีดวงอาทิตย์ 2) การเปิดช่องแสงหลังคาให้สัมพันธ์กับสัดส่วนช่องโถง 3) การควบคุมการเกิดแสงบาดตาให้อยู่ในระดับต่ำ 4) การจัดองค์ประกอบภายในโถงและช่องเปิดให้กระจายแสงได้ทั่วถึง และ 5) การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในโถงให้เหมาะกับแสงในแต่ละบริเวณ","PeriodicalId":428713,"journal":{"name":"Journal of Architectural/Planning Research and Studies (JARS)","volume":"25 9","pages":"0"},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2021-01-20","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":"{\"title\":\"การเปิดรับแสงธรรมชาติในโถงกึ่งเปิดโล่งเพื่อความยั่งยืน: กรณีศึกษา อาคารสถานศึกษาย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร\",\"authors\":\"ทรงพล อัตถากร\",\"doi\":\"10.56261/jars.v18i1.240105\",\"DOIUrl\":null,\"url\":null,\"abstract\":\"เมื่อแสงธรรมชาติภายในโถงกึ่งเปิดโล่งในอาคารเรียนที่ดี สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการเรียนรู้ การมีสุขภาวะที่ดี และการลดการใช้พลังงาน ดังนั้น การศึกษาถึงการเปิดรับแสงธรรมชาติที่มีคุณภาพจึงมีความสำคัญต่อแนวทางการออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืน การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ของรูปแบบทางกายภาพของอาคารที่มีผลต่อคุณภาพของแสงธรรมชาติภายในโถง ขั้นตอนวิจัยเริ่มจากการวิเคราะห์กรณีศึกษาจำนวน 4 อาคาร เพื่อศึกษารูปแบบทางกายภาพ ได้แก่ ลักษณะช่องเปิดรับแสงธรรมชาติ สัดส่วนช่องโถง และองค์ประกอบภายในของโถง และประเมินแสงธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในโถงกรณีศึกษาโดยการจำลองในคอมพิวเตอร์ ต่อจากนั้นศึกษาเปรียบเทียบผลคุณภาพของแสงสว่างภายในกรณีศึกษา เพื่อความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพกับผลจากการประเมินแสงธรรมชาติ และสุดท้ายเสนอแนะแนวทางในการเปิดรับแสงธรรมชาติในโถงกึ่งเปิดโล่ง โดยมีดัชนีชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่ ค่าความสว่าง ค่าความส่องสว่าง ค่าความสม่ำเสมอของแสง ค่าตัวประกอบแสงธรรมชาติ ค่า UDI ค่า sDA ค่า ASE และค่า DGP ผลการวิจัย พบว่า 1) ช่องแสงหลังคาส่งผลต่อแสงสว่างภายในโถงมากที่สุด 2) ช่องแสงผนังในระดับพื้นโถงช่วยส่งเสริมความสม่ำเสมอของแสงภายในโถง 3) สัดส่วนช่องโถงมีผลโดยตรงต่อปริมาณและการกระจายของแสงภายในโถง 4) พื้นที่อับแสงและระดับการสะท้อนของผิวอาคารภายในโถง ส่งผลต่อความสม่ำเสมอของแสงภายในโถง 5) แสงภายในโถงที่เกินกว่า 3000 ลักซ์ มีผลต่อระดับค่าแสงบาดตาสูง และ 6) การประเมินแสงในระนาบแนวตั้งช่วยให้ได้ผลที่สมจริง และการจำลองแสงในรอบปีช่วยให้เห็นผลกระทบจากแสงตลอดทั้งปี ดังนั้นการออกแบบการรับแสงธรรมชาติภายในโถงกึ่งเปิดโล่งจึงควรคำนึงถึง 1) การลดผลกระทบจากรังสีดวงอาทิตย์ 2) การเปิดช่องแสงหลังคาให้สัมพันธ์กับสัดส่วนช่องโถง 3) การควบคุมการเกิดแสงบาดตาให้อยู่ในระดับต่ำ 4) การจัดองค์ประกอบภายในโถงและช่องเปิดให้กระจายแสงได้ทั่วถึง และ 5) การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในโถงให้เหมาะกับแสงในแต่ละบริเวณ\",\"PeriodicalId\":428713,\"journal\":{\"name\":\"Journal of Architectural/Planning Research and Studies (JARS)\",\"volume\":\"25 9\",\"pages\":\"0\"},\"PeriodicalIF\":0.0000,\"publicationDate\":\"2021-01-20\",\"publicationTypes\":\"Journal Article\",\"fieldsOfStudy\":null,\"isOpenAccess\":false,\"openAccessPdf\":\"\",\"citationCount\":\"0\",\"resultStr\":null,\"platform\":\"Semanticscholar\",\"paperid\":null,\"PeriodicalName\":\"Journal of Architectural/Planning Research and Studies (JARS)\",\"FirstCategoryId\":\"1085\",\"ListUrlMain\":\"https://doi.org/10.56261/jars.v18i1.240105\",\"RegionNum\":0,\"RegionCategory\":null,\"ArticlePicture\":[],\"TitleCN\":null,\"AbstractTextCN\":null,\"PMCID\":null,\"EPubDate\":\"\",\"PubModel\":\"\",\"JCR\":\"\",\"JCRName\":\"\",\"Score\":null,\"Total\":0}","platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Journal of Architectural/Planning Research and Studies (JARS)","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.56261/jars.v18i1.240105","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0