ความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ณัฐพล ประชุมของ
{"title":"ความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์","authors":"ณัฐพล ประชุมของ","doi":"10.60027/iarj.2024.276382","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ประสิทธิผล หากนำมาปรับใช้และพัฒนางานของกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเกิดประโยชน์แก่บุคลากรและองค์กร โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2) ศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ตามปัจจัยส่วนบุคคล (3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านความรู้ความเข้าใจต่อหลักธรรมาภิบาลกับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล และ (4) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการรับรู้หลักธรรมาภิบาล ผ่านสื่อต่าง ๆ กับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ได้แก่ บุคลากรกองพัฒนานิสิต จำนวน 127 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ t-test One-Way ANOVA LSD และ Pearson Product Moment Correlation Coefficient โดยกำหนดระดับค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05\nผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า บุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล อยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า เพศ อายุ ประสบการณ์การทำงาน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ที่แตกต่างกัน ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลในภาพรวมไม่แตกต่างกัน ส่วนระดับการศึกษา ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลแตกต่างกัน นอกจากนี้ความรู้ความเข้าใจต่อหลักธรรมาภิบาลมีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทิศทางตามกันน้อย (r =.36) และการรับรู้หลักธรรมาภิบาลผ่านสื่อต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทิศทางตามกันน้อย (r =.39)\nสรุปผล: บุคลากรมีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลในภาพรวม อยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านหลักการมีส่วนร่วมของสาธารณชน มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ดังนั้น ควรมีการจัดอบรมบุคลากรในประเด็นของ การเปิดโอกาสให้นิสิตเข้ามาแสดงความคิดเห็นและประเมินความพึงพอใจในการรับบริการ ผ่านช่องทางไลน์ เว็บไซต์ ให้มาก รวมถึงการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานอย่างเท่าเทียมกัน เป็นธรรม สุจริต ยึดความ โปร่งใส จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบเพื่อการตรวจสอบได้ง่าย ส่งผลให้การดำเนินงานต่าง ๆ ของ หน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"9 6","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-04-08","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276382","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0

Abstract

ประสิทธิผล หากนำมาปรับใช้และพัฒนางานของกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเกิดประโยชน์แก่บุคลากรและองค์กร โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2) ศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ตามปัจจัยส่วนบุคคล (3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านความรู้ความเข้าใจต่อหลักธรรมาภิบาลกับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล และ (4) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการรับรู้หลักธรรมาภิบาล ผ่านสื่อต่าง ๆ กับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ได้แก่ บุคลากรกองพัฒนานิสิต จำนวน 127 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ t-test One-Way ANOVA LSD และ Pearson Product Moment Correlation Coefficient โดยกำหนดระดับค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า บุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล อยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า เพศ อายุ ประสบการณ์การทำงาน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ที่แตกต่างกัน ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลในภาพรวมไม่แตกต่างกัน ส่วนระดับการศึกษา ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลแตกต่างกัน นอกจากนี้ความรู้ความเข้าใจต่อหลักธรรมาภิบาลมีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทิศทางตามกันน้อย (r =.36) และการรับรู้หลักธรรมาภิบาลผ่านสื่อต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาล ของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทิศทางตามกันน้อย (r =.39) สรุปผล: บุคลากรมีความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลในภาพรวม อยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านหลักการมีส่วนร่วมของสาธารณชน มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ดังนั้น ควรมีการจัดอบรมบุคลากรในประเด็นของ การเปิดโอกาสให้นิสิตเข้ามาแสดงความคิดเห็นและประเมินความพึงพอใจในการรับบริการ ผ่านช่องทางไลน์ เว็บไซต์ ให้มาก รวมถึงการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานอย่างเท่าเทียมกัน เป็นธรรม สุจริต ยึดความ โปร่งใส จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบเพื่อการตรวจสอบได้ง่าย ส่งผลให้การดำเนินงานต่าง ๆ ของ หน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ความคิดเห็นต่อหลักธรรมาภิบาลของบุคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ประสิทธิผล หากนำมาปรับใช้และพัฒนางานของกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเกิดประโยชน์แก่บุคลากรและองค์กร โดยการวิจัยครั้งนี้ีมวัตถ↩ุประสงค์เพื่อ(1) ศึกษาระดับความคิดเห็นตักธรรมาภิบาลของบุคลากรอกงพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยกษเตรศาสตร์ (2) ศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อหารักธรมาภิบาล(3) ศึกษาควมสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านความเข้าใจต่อหาลักธรรมภาิบาลกับควาคมิดเห็นต่อหาลักธรมภาิบาล และ(4) ศึกษาความสัมพันธ์รหะหว่างปัจจัยด้านการรับรู้าหลักธรรมาภิบาล ผ่านสือต่าง ๆ กับความคิดเห็ต่อหักธรรมาภิบาลระเบียบวิธีการวจัย:กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวจัยครั้งนี้ได้แก่ มตุคลากรกองพัฒนานิสิต จำนวน 127 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็เนครื่องมือในการรวบรวมข้มอูลสถิติที่ใช้ในการวิเคราะข์้อมูล คอื ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ t-检验 单向方差分析 LSD และ Pearson Product Moment Correlation Coefficient โดยกำหนดระดับ่คานัยสคัญทางสถิติที่ระดับ.05ผลการศึกษา:ผลากรวิจัยพบว่า ุบคลากรกองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิเดหน็่อหารักธรรมาภิบาล อยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมติฐานพบว่า เพศ อายุประสบการณ์การทำงาน รายได้เลี่ยต่อเดือน ที่แตกต่างกัน ของบุคลากรอกงพัฒนานิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิเห็ต่อหาักธรรมภาิบาลในภาพรวมไม่แตกต่างกันส่วนระดับการศึกษา ของบคอุลากรกงพัฒนานสิ มตหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความคิดเห็นต่อหาลักธรมาภิบาลแตตก่งกันนอกจากนี้ความรู้ความเข้าใจจ่ตอหาลักธรรมภาิบาลมีความสัมพันธ์กับความิคดเห็นต่อหาลักธรรมาภิบาล ของบุคลากรอกงพัฒนานิสติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทิศทางตามกัน้อย (r =.36) และากรรับรู้าหาลักธรรมาภิบาลผ่านส่ือต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับควาคมิดเห็นต่อหาลักธรมภิบาล ของบุคลากกรองพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทิศทางตามกัน้อย (r =.39)สรุปผล:มติคากรมีความคิดเห็นต่อกธรรมาภิบาลใภนาพรวม อยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพจิารณารายด้าน พบว่า ด้านหาลัการมีส่วนร่วมของสาธารณชนมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ดังนั้น ควรมีการจัดอบรมบุคลากรในประเด็นของ การเปิดโอกาสให้นิสิเตข้ามาแสดงความคิเด็หนแลปะระเมินความพึงพอใจในการรับริการผานช่องทางไลน์ เว็บไซต์ ใ้มาก รวมถึงการปฏบัติต่อเพือนร่วมงานอย่างเท่าเทียมกัน เป็นธรม สุจริต ยึดวคาม โปร่งใสจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบเพือการตรวจสอบได้ง่าย ส่งผลให้ารดำเนิงานต่าง ๆ ของ หนิงานป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。
求助全文
约1分钟内获得全文 求助全文
来源期刊
自引率
0.00%
发文量
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
copy
已复制链接
快去分享给好友吧!
我知道了
右上角分享
点击右上角分享
0
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信