การศึกษาความชุกของการรังแกกันในเด็กปฐมวัย : กรณีศึกษาโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง

นุชนาถ โอฬารวัฒน์, จุฑาภรณ์ มาสันเทียะ, ดารุณี ทิพยกุลไพโรจน์
{"title":"การศึกษาความชุกของการรังแกกันในเด็กปฐมวัย : กรณีศึกษาโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง","authors":"นุชนาถ โอฬารวัฒน์, จุฑาภรณ์ มาสันเทียะ, ดารุณี ทิพยกุลไพโรจน์","doi":"10.60027/iarj.2024.276121","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ปัญหาการรังแกกันสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้นตามอายุที่พบ เด็กปฐมวัยก็พบว่ามีการรังแกกันเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งการค้นพบข้อมูลว่าเด็กปฐมวัยสามารถรังแกกันได้ จะทำให้ผู้ปกครอง ครู และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ต่อไป การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของการรังแกกันในเด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง\nระเบียบวิธีการวิจัย: งานวิจัยนี้เป็นแบบกรณีศึกษาในโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง เก็บข้อมูลกับนักเรียน ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง 3 จำนวน 547 คน ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2566 โรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง โดยครูประจำชั้นแต่ละห้องเป็นผู้สังเกตและประเมินพฤติกรรมของนักเรียน และวิเคราะห์ผลการสังเกตพฤติกรรมโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ผล\nผลการศึกษา: เด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทองส่วนใหญ่ไม่พบพฤติกรรมการรังแกกันทั้ง 3 รูปแบบ ดังนี้ (1) การรังแกกันทางกายใน 10 พฤติกรรมย่อย คิดเป็นร้อยละ 68.20 ถึง 94.50 ของนักเรียนทั้งหมด (2) การรังแกกันทางวาจาใน 8 พฤติกรรมย่อย คิดเป็นร้อยละ 88.10 ถึง 95.60 ของนักเรียนทั้งหมด และ (3) การรังแกกันทางสังคมใน 4 พฤติกรรมย่อย คิดเป็น 88.80 ถึง 95.60 ของนักเรียนทั้งหมด\nสรุปผล: ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเด็กก่อนวัยเรียนส่วนใหญ่ที่โรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทองไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมการกลั่นแกล้ง แต่มีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างมากที่มีส่วนร่วมในรูปแบบการกลั่นแกล้งทางร่างกาย วาจา และทางสังคม อัตราความชุกของพฤติกรรมย่อยเหล่านี้อยู่ระหว่าง 68.20% ถึง 95.60%","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"27 8","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-04-08","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276121","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0

Abstract

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ปัญหาการรังแกกันสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้นตามอายุที่พบ เด็กปฐมวัยก็พบว่ามีการรังแกกันเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งการค้นพบข้อมูลว่าเด็กปฐมวัยสามารถรังแกกันได้ จะทำให้ผู้ปกครอง ครู และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ต่อไป การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของการรังแกกันในเด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง ระเบียบวิธีการวิจัย: งานวิจัยนี้เป็นแบบกรณีศึกษาในโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง เก็บข้อมูลกับนักเรียน ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง 3 จำนวน 547 คน ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2566 โรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง โดยครูประจำชั้นแต่ละห้องเป็นผู้สังเกตและประเมินพฤติกรรมของนักเรียน และวิเคราะห์ผลการสังเกตพฤติกรรมโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ผล ผลการศึกษา: เด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทองส่วนใหญ่ไม่พบพฤติกรรมการรังแกกันทั้ง 3 รูปแบบ ดังนี้ (1) การรังแกกันทางกายใน 10 พฤติกรรมย่อย คิดเป็นร้อยละ 68.20 ถึง 94.50 ของนักเรียนทั้งหมด (2) การรังแกกันทางวาจาใน 8 พฤติกรรมย่อย คิดเป็นร้อยละ 88.10 ถึง 95.60 ของนักเรียนทั้งหมด และ (3) การรังแกกันทางสังคมใน 4 พฤติกรรมย่อย คิดเป็น 88.80 ถึง 95.60 ของนักเรียนทั้งหมด สรุปผล: ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเด็กก่อนวัยเรียนส่วนใหญ่ที่โรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทองไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมการกลั่นแกล้ง แต่มีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างมากที่มีส่วนร่วมในรูปแบบการกลั่นแกล้งทางร่างกาย วาจา และทางสังคม อัตราความชุกของพฤติกรรมย่อยเหล่านี้อยู่ระหว่าง 68.20% ถึง 95.60%
การศึกษาความชุกของการรังแกกันในเด็กปฐมวัย : กรณีศึกษาโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทอง
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์:ปัญหาการรังแกกันสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้นตามอายุที่พบ เด็กปฐมวัยก็พบว่ามีการรังแกกันเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งการค้นพบข้อมูลว่าเด็กปฐมวัยสามารถรังแกกันได้ จะทำให้ผู้ปกครองครู และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ต่อไป การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของการรังแกกันในเด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทองระเบียบวิธีการวิจัย:งานวิจัยนี้เป็นแบบกรณีศึกษาในโรงเรียนอนุบาลวัดอา่งทอง เก็บข้อมูลกับนัเรียน ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง 3 จำนวน 547 คน ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2566 โรงเรียนอนุบาลวัด่อางทองเด็กประเมินพฤติกรรมของนัเกรียน เด็กประจำชั้นแต่ละห์ผการสังกเตพฤติกรรมโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ควาถี่ ร้อยละ ผลผลการศึกษา:เด็กปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลวัดอ่างทองส่วนใหญ่ไม่พบพฤติกรรมการรังแกกันทั้ง 3 รูปแบบ ดังนี้ (1) การรังแกกันทางกายใน 10 พฤติกรรมย่อย คิดเ็ปนร้อยละ 68.20 ถึง 94.50 ของนักเรียนทั้งหมด (2) การรังแกักนทางวาจาใน 8 พฤติกรรมย่อย คิดเป็นร้อยละ 88.10 ถึง 95.60 ของนักเรียนทั้งหมด และ (3) การรังแกันทางสังคมใน 4 พฤติกรรมย่อย คิดเป็น 88.80 ถึง 95.60 ของนักเรียนทั้งหมดสรุปผล:ผลการรศึกษาแสดงให้าแต่มีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างมากที่มีส่วนร่วมในรูปแบการกลั่นแกล้งทางร่างกาย วาจา และทางสังคม อัตราควมชุกขงอพฤติกรรมย่อยเหาระหาง 68.20% ถึง 95.60
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。
求助全文
约1分钟内获得全文 求助全文
来源期刊
自引率
0.00%
发文量
0
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
确定
请完成安全验证×
copy
已复制链接
快去分享给好友吧!
我知道了
右上角分享
点击右上角分享
0
联系我们:info@booksci.cn Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。 Copyright © 2023 布克学术 All rights reserved.
京ICP备2023020795号-1
ghs 京公网安备 11010802042870号
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术官方微信